หุ้นร้อนๆ ส่งท้ายปีเก่าคงต้องยกให้หุ้นบริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือหุ้นโพลาร์ เพราะเปิดการซื้อขายใหม่หลังจากถูกพักการซื้อขายไปครึ่งปี มีการลากขึ้นไปชนเพดานทันที ทั้งที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกาศเตือนให้นักลงทุนพิจารณาข้อมูลสำคัญของบริษัทฯ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อขาย
โพลาร์ ถูกตลาดหลักทรัพย์สั่งแขวน “SP” พักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2559 เนื่องจากไม่ส่งงบการเงินไตรมาสแรก ต่อเนื่องถึงงบการเงินไตรมาสที่ 2 และ 3 โดยเพิ่งส่งงบการเงิน 3 ไตรมาสรวดมา ตลาดหลักทรัพย์จึงปลดเครื่องหมาย “SP” และอนุมัติให้กลับเข้ามาซื้อขายใหม่ได้ในวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่ก่อนเปิดการซื้อขาย ตลาดหลักทรัพย์ได้ออกประกาศเตือนนักลงทุน และขอให้บริษัทฯ ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตในงบการเงินไตรมาสแรก
ข้อมูลที่ตลาดหลักทรัพย์ต้องการความกระจ่าง ประกอบด้วย รายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการลงทุนในหลายประเด็น โดยเฉพาะความสามารถของบริษัทร่วมทุนที่โพลาร์ถือหุ้นอยู่ 49% ของทุนจดทะเบียน ในการจ่ายเงินที่เหลือตามสัญญาเช่าโครงการ เดอะ เชอร์วู๊ด มูลค่า 5,574 ล้านบาท รายการเกี่ยวกับค่าเผื่อด้อยค้าสินทรัพย์ที่สำคัญ โดยเฉพาะค่าเผื่อด้อยค่าเงินมัดจำที่ดินทั้งจำนวน 350 ล้านบาท และผลกระทบการปรับปรุงรายการทางบัญชีงบการเงินปี 2558 ย้อนหลัง ซึ่งทำให้บริษัทขาดทุนเพิ่มขึ้น จากเดิม 162.73ล้านบาท เพิ่มเป็นขาดทุน 378.13 ล้านบาท รวมทั้งการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้บัญชีเครดิตบาลานซ์ ในวงเงิน 201.48 ล้านบาท
แต่ละรายการที่ตลาดหลักทรัพย์ตั้งข้อสังเกตเตือนให้นักลงทุนระมัดระวัง และขอให้บริษัท โพลาร์ ชี้แจงนั้น เป็นธุรกรรมที่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น และเป็นการตอกย้ำว่า หุ้นโพลาร์ อันตราย เพราะการประชุมผู้ถือหุ้นหลายครั้งก็วุ่นวาย มีการช่วงชิงอำนาจการบริหารระหว่างผู้ถือหุ้นหลายกลุ่ม จนล่าสุด ไม่รู้ว่ากลุ่มไหนเป็นเจ้าภาพคุมการบริหาร และรายใหญ่เจ้าใดเป็นเจ้ามือในการดูแลหุ้น หุ้นตัวนี้ร้อนสุดเหวี่ยงมาตลอด เพราะมีการสร้างข่าวยั่วกิเลสนักเก็งกำไรไม่ว่างเว้น ขณะที่ผลการดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่องหลายปี จนต้องเพิ่มทุนในทุกรูปแบบ เพื่อระดมเงินมาประคองกิจการ
แม้ตลาดหลักทรัพย์จะไม่ประกาศเตือน นักลงทุนก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะนักลงทุนที่ไม่มีหุ้นโพลาร์อยู่ในมือ เนื่องจากเป็นหุ้นที่ยังมองไม่เห็นอนาคต จำนวนหุ้นมหาศาล และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ผลดำเนินงานจะพลิกมามีกำไร แต่ปรากฏว่า เมื่อหุ้นโพลาร์เปิดการซื้อขายใหม่เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา กลับมีแรงซื้อเข้ามาไล่ราคา และซื้อขายไม่ทันเท่าไหร่ ราคาก็พุ่งขึ้นไปชนดาน 30% จากราคาปิดครั้งสุดท้ายเมื่อกว่า 6 เดือนที่ 13 สตางค์ ถูกไล่ขึ้นไปปิดที่ 16 สตางค์ หรือบวก 3 สตางค์ วันต่อมา หรือวันที่ 22 ธันวาคม ก็ยังลุยกันต่อ บวกอีก 2 สตางค์ ปิดที่ 18 สตางค์ จนตลาดหลักทรัพย์ประกาศเป็นหุ้นที่ติดเครดิตบาลานซ์ ต้องซื้อขายด้วยเงินสดเท่านั้น ราคาจึงรูดลงมา
ใครเข้าไปเล่นหุ้นตัวนี้มีเป้าหมายเพื่อการเก็งกำไรระยะสั้นสถานเดียว เพราะเป็นหุ้นที่อาจประเมินความเหมาะสมของราคาด้วยปัจจัยพื้นฐานได้ ไม่อาจลงทุนโดยหวังกินเงินปันผล เนื่องจากผลดำเนินงานขาดทุนตลอด ถ้าพิจารณาโครงสร้างผู้ถือหุ้นของโพลาร์แล้ว หุ้นตัวนี้ต้องถือว่าไม่มีเจ้าภาพ เพราะไม่มีใครถือหุ้นใหญ่ มีแต่นักลงทุนรายย่อยจำนวนประมาณ 13,000 รายที่ถือหุ้นร่วมกันแทบ 100% ส่วนคณะกรรมการบริษัทชุดปัจจุบันเป็นเพียงผู้รวบรวมเสียงสนับสนุนจากนักลงทุนรายย่อยได้เท่านั้น หุ้นโพลาร์กลับมาแจ้งเกิดใหม่แล้ว และยังมีนักลงทุนบางส่วนเข้าไปแลกหมัดวัดดวง เข้าไปเล่นกับเจ้ามืออยู่โดยไม่กลัวตาย
คำประกาศเตือนของตลาดหลักทรัพย์กลายเป็นความเหนื่อยเปล่า เพราะอุตส่าห์ส่งสัญญาณให้นักลงทุนรายย่อยระมัดระวัง แต่นักเก็งกำไรส่วนหนึ่งกลับไม่สนคำเตือนใดๆ และแม้จะเห็นกันอยู่ว่า มีนักลงทุนค้างยอดดอยอยู่นับหมื่นราย แต่ก็ยังมีนักลงทุนทำตัวเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน เข้าไป “ลองของ” กับโพลาร์อีก ปีนี้คงต้องจับตาดูว่า โพลาร์ จะหาลูกเล่นอะไรมาหลอกล่อนักลงทุนต่อไป เพราะถ้าไม่มีลูกเล่นมากระตุ้น ถ้าไม่สามารถเชิญชวนนักลงทุนหน้าใหม่ๆ ให้แวะเวียนเข้ามาเล่น หุ้นโพลาร์จะจอดสนิท โจทย์ของโพลาร์นับจากนี้คือ จะหาลูกเล่นอะไรมาจูงใจให้นักลงทุนเล่นกับโพลาร์เท่านั้น
ชุมชนคนหุ้น...สุนันท์ ศรีจันทรา