โบรกฯ ทองชี้แนวโน้มราคาทองคำเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น จากเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ที่สะท้อนการฟื้นตัวภาคอสังหาฯ ชัดเจน และกระแสข่าวปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด กดดันเงินทุนไหลเข้ามาเพิ่มในตลาดทองคำมากขึ้น ประเมินการลงทุนทองคำแนวต้านที่ 1,158-1,172 เหรียญสหรัฐ และแนวรับที่ 1,139-1,125 เหรียญสหรัฐ
นักวิเคราะห์จาก GT Wealth Management กล่าวแนวโน้มการลงทุนในทองคำช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปีว่า ราคาทองคำตลาดโลกยืนทรงตัวได้ดีในช่วงการซื้อขายเมื่อกลางสัปดาห์ พร้อมกับทะยานปรับตัวบวกได้ตั้งแต่เปิดตลาดเอเชียในเช้าวันนี้ (29 ธ.ค.) เนื่องจากยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี ตามการปรับสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจำนองที่ขนานไปตามแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ทำให้อุปสงค์ในตลาดบ้านอ่อนตัวลง และมีผลให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงด้วย ส่งผลให้เงินบางส่วนไหลกลับเข้ามาเก็งกำไรในตลาดทองคำที่ราคามีการทรงตัวในระดับต่ำ แต่มีสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความพร้อมจะเข้าสู่ช่วงรีบาวนด์ ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาของเทศกาลตรุษจีนในอีก 1 เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ดี ความต้องการทองคำจะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เช้านี้ราคาทองคำสามารถยืนเหนือระดับ 1,145 เหรียญสหรัฐ จึงเป็นสัญญาณที่ดีต่อการปรับขึ้นไปทดสอบระดับ 1,170 เหรียญสหรัฐ เพื่อยืนยันการกลับตัวเป็นขาขึ้นสู่เป้าหมายหลักที่ 1,250 เหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงต้องใช้ความระมัดระวัง หากต้องการเก็งกำไรระยะสั้น หรือต้องการถือสถานะข้ามปี เนื่องจากราคาในช่วงรอยต่อระหว่างปี มักมี volume ที่เบาบาง จึงผันผวน และคาดการณ์ทิศทางได้ยาก
นอกจากนี้ ราคาทองคำตลาดโลกช่วงเช้าเคลื่อนไหวระหว่าง 1,140-1,150 เหรียญสหรัฐ ส่วนกองทุนทองคำ SPDR ไม่มียอดซื้อ หรือขายสุทธิ ทำให้ยอดการถือครองทองคำคงอยู่ที่ระดับ 823.36 ตัน โดย GT Wealth ประเมินทิศทางราคาทองคำโดยให้แนวต้านที่ 1,158-1,172 เหรียญสหรัฐ และแนวรับที่ 1,139-1,125 เหรียญสหรัฐ
ขณะที่ราคาทองคำในประเทศ ทันทีที่เปิดตลาดราคาปรับเพิ่มขึ้น 50 บาท ส่งผลให้ราคาทองแท่งรับซื้อบาทละ 19,500.00 บาท และขายออกบาทละ 19,600.00 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 19,147.08 บาท และขายออกบาทละ 20,100.00 บาท