ผอ.สคร.เตรียมออกกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์กองแรกให้ กทพ. วงเงิน 3-4 หมื่นล้าน หวังให้นำไปใช้ลงทุนในโครงการทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง คาดจัดตั้งได้ในภายไตรมาส 1/60 หวังขายหน่วยลงทุนได้ทันตามแผนการใช้ก่อสร้างโครงการในเดือน พ.ค.60
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ซึ่งมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้เสนอให้โครงการทางด่วนที่มีศักยภาพที่จะเข้า Thailand Future Fund ได้แก่ (1) บูรพาวิถี (2) ฉลองรัฐ (3) กาญจนาภิเษก โดยขณะนี้ได้มอบให้การทางพิเศษพิจารณา 2 ใน 3 เส้น เพื่อนำมาจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์) และระดมทุนเพื่อนำเงินที่ได้จากการขายหน่วยลงทุนเพื่อใช้ก่อสร้างโครงการทางด่วนเส้นใหม่ คือ พระราม 3-ดาวคนอง
ทั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้ากระทรวงการคลัง มีวัตถุประสงค์ว่า จะยกเงินที่ได้จากการการจัดตั้งกองทุนในครั้งนี้มูลค่า 60,000-80,000 หมื่นล้านบาท ให้กับ กทพ.ทั้งหมด เพื่อให้ กทพ.ใช้เป็นทุนในการขยายเส้นทางโครงการทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง ซึ่ง กทพ.มีแผนการที่จะลงทุนอยู่แล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกัฐมนตรี มีความเห็นว่า ควรจะระดมทุนเท่าที่ กทพ.มีความต้องการใช้จริงในเบื้องต้น 30,000-40,000 ล้านบาท และการจัดตั้งกองทุนฯ จะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาส 1/2560 หลังจากผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว เนื่องจาก กทพ.มีแผนว่า จะเริ่มใช้เงินลงทุนเพื่อก่อสร้างโครงการทางด่วนเส้นพระราม 3-ดาวคะนอง ในเดือน พ.ค.
“กองทุนฯ ของ กทพ.จะเป็นกองทุนแรกของ Thailand Future โดยเราจะนำรายได้ของเส้นทาง พิเศษบูรพาวิถี ทางพิเศษฉลองรัฐ และทางพิเศษเฉลิมราชมงคล โดยทั้ง 3 โครงการนี้มีมูลค่ารวมกันประมาณ 60,000-80,000 ล้านบาท จึงไม่มีความจำเป็นต้องออกกองทุนฯ ให้เต็มวงเงิน เพื่อทำให้เกิดภาระทางด้านดอกเบี้ย เราสามารถออกองแรกเท่าที่ กทพ.ต้องการใช้ แต่ กทพ.ต้องการเงินเพิ่มเติม สคร.ก็ค่อยออกกอง 2 กอง 3 ตามลำดับได้” นายเอกนิติ กล่าว
ผู้อำนวยการ สคร.ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า กทพ. มีเป้าหมายที่จะก่อสร้างถนนเพิ่มเติมอีก 2 เส้นทาง คือ ทางด่วนถนนเกษตร-นวมินทร์ ซึ่งปัจจุบันได้ก่อสร้างตอม่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนเส้นทางที่ 2 คือ เส้นทางภูเก็ต-กระทู้ แต่เนื่องจากทั้ง 2 โครงการนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในเรื่องของงบประมาณในการก่อสร้าง จึงไม่สามารถกำหนดวงเงินที่ต้องการอย่างแท้จริงได้ ซึ่งโดยหลักการแล้ว การระดมทุนโดยการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวจะช่วยลดภาระงบประมาณของรัฐ เนื่องจากเป็นการระดมทุนจากนักลงทุนทั่วไปแทนที่จะเป็นการกู้เงินที่มีภาระดอกเบี้ยสูงเช่นที่ผ่านมา
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ซึ่งมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้เสนอให้โครงการทางด่วนที่มีศักยภาพที่จะเข้า Thailand Future Fund ได้แก่ (1) บูรพาวิถี (2) ฉลองรัฐ (3) กาญจนาภิเษก โดยขณะนี้ได้มอบให้การทางพิเศษพิจารณา 2 ใน 3 เส้น เพื่อนำมาจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์) และระดมทุนเพื่อนำเงินที่ได้จากการขายหน่วยลงทุนเพื่อใช้ก่อสร้างโครงการทางด่วนเส้นใหม่ คือ พระราม 3-ดาวคนอง
ทั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้ากระทรวงการคลัง มีวัตถุประสงค์ว่า จะยกเงินที่ได้จากการการจัดตั้งกองทุนในครั้งนี้มูลค่า 60,000-80,000 หมื่นล้านบาท ให้กับ กทพ.ทั้งหมด เพื่อให้ กทพ.ใช้เป็นทุนในการขยายเส้นทางโครงการทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง ซึ่ง กทพ.มีแผนการที่จะลงทุนอยู่แล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกัฐมนตรี มีความเห็นว่า ควรจะระดมทุนเท่าที่ กทพ.มีความต้องการใช้จริงในเบื้องต้น 30,000-40,000 ล้านบาท และการจัดตั้งกองทุนฯ จะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาส 1/2560 หลังจากผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว เนื่องจาก กทพ.มีแผนว่า จะเริ่มใช้เงินลงทุนเพื่อก่อสร้างโครงการทางด่วนเส้นพระราม 3-ดาวคะนอง ในเดือน พ.ค.
“กองทุนฯ ของ กทพ.จะเป็นกองทุนแรกของ Thailand Future โดยเราจะนำรายได้ของเส้นทาง พิเศษบูรพาวิถี ทางพิเศษฉลองรัฐ และทางพิเศษเฉลิมราชมงคล โดยทั้ง 3 โครงการนี้มีมูลค่ารวมกันประมาณ 60,000-80,000 ล้านบาท จึงไม่มีความจำเป็นต้องออกกองทุนฯ ให้เต็มวงเงิน เพื่อทำให้เกิดภาระทางด้านดอกเบี้ย เราสามารถออกองแรกเท่าที่ กทพ.ต้องการใช้ แต่ กทพ.ต้องการเงินเพิ่มเติม สคร.ก็ค่อยออกกอง 2 กอง 3 ตามลำดับได้” นายเอกนิติ กล่าว
ผู้อำนวยการ สคร.ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า กทพ. มีเป้าหมายที่จะก่อสร้างถนนเพิ่มเติมอีก 2 เส้นทาง คือ ทางด่วนถนนเกษตร-นวมินทร์ ซึ่งปัจจุบันได้ก่อสร้างตอม่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนเส้นทางที่ 2 คือ เส้นทางภูเก็ต-กระทู้ แต่เนื่องจากทั้ง 2 โครงการนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในเรื่องของงบประมาณในการก่อสร้าง จึงไม่สามารถกำหนดวงเงินที่ต้องการอย่างแท้จริงได้ ซึ่งโดยหลักการแล้ว การระดมทุนโดยการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวจะช่วยลดภาระงบประมาณของรัฐ เนื่องจากเป็นการระดมทุนจากนักลงทุนทั่วไปแทนที่จะเป็นการกู้เงินที่มีภาระดอกเบี้ยสูงเช่นที่ผ่านมา