xs
xsm
sm
md
lg

อีเอ็มซี ผุด “แลนด์มาร์ค มหาชัย” ศูนย์รวมไอทีแห่งใหม่รองรับการเติบโต “มหาชัย” เมืองศักยภาพการลงทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“เมืองมหาชัย” ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร เป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมการประมง การค้า และการเกษตร โดยมีเส้นทางการคมนาคมที่มีถนนสายหลัก คือ ถนนพระราม 2 เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ของกรุงเทพมหานครลงสู่ภาคใต้ ที่สำคัญ จังหวัดสมุทรสาคร ยังมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอัตราที่สูงเป็นอันดับต้นๆ จังหวัดหนึ่งของประเทศ โดยคาดว่า ปลายปี 2559 จะมีการขยายตัวมากถึงร้อยละ 5.1 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 3.8 ซึ่งภาคธุรกิจการค้า และการลงทุนของจังหวัดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีการกระจุกตัวโดยมากอยู่ที่บริเวณถนนสายหลัก คือ ถนนพระราม 2 และมหาชัย เนื่องจากเป็นเมืองเศรษฐกิจหลักของจังหวัด

โดยแนวโน้มของการเติบโตสามารถเห็นได้จากภาพรวมของราคาที่ดินเมืองมหาชัย ที่มีการประกาศขายในราคาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ ที่ดินติดถนนท่าปรง เนื้อที่ 16 ไร่ ราคา 20 ล้านบาทต่อไร่ หรือตารางวาละ 50,000 บาท, ที่ดิน ซอย 8 หลังวัดเจษฎาราม ถนนเจษฎาวิถี เนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน 83 ตารางวา ราคา 12,258,000 บาท หรือตารางวาละ 16,000 บาท และที่ดินติดถนนเอกชัย เนื้อที่ 2 ไร่ ราคา 26 ล้านบาทต่อไร่ หรือตารางวาละ 65,000 บาท นอกจากนั้น ราคาที่ดินตามแนวทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) โดยบริเวณช่วงต้นถนนกาญจนาภิเษก อยู่ที่ 40,000-50,000 บาทต่อตารางวา ขณะที่บริเวณต้นถนนพระราม 2 ซึ่งเป็นพื้นที่สีเหลือง ตามผังเมืองในบางแปลงนั้น ราคาที่ดินพุ่งสูงถึง 60,000-70,000 บาทต่อตารางวา แต่ถ้าเป็นที่ดินแนวถนนกาญจนาภิเษก ฝั่งโซนพื้นที่สีเขียว ตารางวาละ 30,000-40,000 บาท และสำหรับบริเวณมหาชัย ซึ่งเป็นแยกเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดสมุทรสาคร ราคาที่ดินอยู่ที่ 70,000-80,000 บาทต่อตารางวา

สอดคล้องกับการที่ภาครัฐได้มีนโยบายในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้มีโครงการก่อสร้างทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกฯ ระยะทาง 19 กม. งบประมาณ 32,000 ล้านบาท โดยผลการศึกษาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสร็จเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เหลือแต่การออกแบบรายละเอียดโครงการ ซึ่งคืบหน้ากว่า 80% แล้ว โดยภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างได้ และจะสามารถลงนามสัญญาได้ในระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคมปี 2560 ซึ่งแนวเส้นทางของโครงการเริ่มต้นที่ กม.10+700 ถนนพระราม 2 เป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร สร้างซ้อนทับบนทางด่วนขั้นที่ 1 จนถึงถนนพระราม 3 ใกล้แยกต่างระดับบางโคล่ และบรรจบกับทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดโครงการ ส่วนสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจะมีการสร้างสะพานใหม่ขนานกับสะพานพระราม 9 ขนาด 8 ช่องจราจร ใช้เวลาก่อสร้างรวม 39 เดือน วางแผนเริ่มก่อสร้างเดือนพฤษภาคม 2560-กรกฎาคม 2563 แน่นอนว่า ทางด่วนสายใหม่นี้จะทำให้การเดินทางระหว่างพื้นที่รอบนอกกับกรุงเทพมหานคร มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และจะช่วยเสริมศักยภาพของพื้นที่โดยรอบให้เพิ่มขึ้นไปอีกในอนาคต

ล่าสุด กรมทางหลวงยังได้ปรับแผนโครงการก่อสร้างถนนยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร วงเงินลงทุนกว่า 89,000 ล้านบาท ให้เป็นมอเตอร์เวย์ ขนาด 6 ช่องจราจร แนวเส้นทางเชื่อมจากบริเวณสิ้นสุดทางด่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) บริเวณบางขุนเทียน-พระราม 2 ให้สามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางนครปฐม-ชะอำ ที่บริเวณใกล้กับแยกวังมะนาว ซึ่งจะพาดผ่านพื้นที่จุดขึ้น-ลงที่พื้นที่บางขุนเทียน พันท้ายนรสิงห์ สมุทรสาคร แยกบ้านแพ้ว พื้นที่สมุทรสงคราม และพื้นที่ใกล้แยกปากท่อ มีศูนย์ควบคุมทางหลวงพิเศษในช่วงบางขุนเทียน ศูนย์บริหารทางหลวงที่สมุทรสาคร และสถานีบริการทางหลวงใกล้กับสมุทรสงคราม ส่วนแผนการดำเนินงานจะแบ่งออกเป็น 3 ตอน ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียดเพื่อนำเสนอกระทรวงคมนาคม โดยรัฐบาลเร่งให้ดำเนินการเพื่อเป็นเส้นทางลอจิสติกส์ เชื่อมโยงพื้นที่กรุงเทพมหานคร โซนบางขุนเทียน-พระราม 2 สู่พื้นที่ภาคใต้ ที่สำคัญ กรมทางหลวงยังมีแผนก่อสร้างมอเตอร์เวย์เส้นทางพระราม 2 ไปตามถนนวงแหวน รอบนอกกรุงเทพมหานคร (ด้านตะวันตก) หรือถนนกาญจนาภิเษก ไปสิ้นสุดที่บางปะอิน ซึ่งแนวเส้นทางมอเตอร์เวย์สายนี้จะสามารถเชื่อมโยงกับมอเตอร์เวย์เส้นทางบางใหญ่-กาญจนบุรี และบางปะอิน-นครราชสีมา ได้อีกด้วย

ขณะเดียวกัน กระทรวงคมนาคมยังมีแผนแม่บทในการพัฒนารถไฟฟ้าระยะที่ 2 ซึ่งมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ที่อยู่ระหว่างดำเนินการจ้างที่ปรึกษามาดำเนินการ ซึ่งจะแล้วเสร็จปี 2560-2561 เพื่อเป็นแผนงานสำหรับส่งต่อให้รัฐบาลชุดต่อไป โดยกำหนดแผนการพัฒนาไว้ในระยะ 10-20 ปีนับจากปี 2562 ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเส้นทางเป็นวงแหวนเพื่อเชื่อมในส่วนที่ยังขาดการเชื่อมต่อให้เดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น และเพื่อต่อขยายจากเส้นทางเดิมให้เป็นขาใยแมงมุม โดยเน้นการเชื่อมต่อกรุงเทพฯ กับเมืองบริวาร ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา ที่เป็นแหล่งอยู่อาศัย และอุตสาหกรรม พร้อมเชื่อมต่อกับรถไฟชานเมือง และรถไฟวิ่งระหว่างเมือง เช่น รถไฟทางคู่ ทำให้คนที่อยู่ชานเมืองใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพื่อเข้ามาทำงานในเมืองได้ และยังเป็นการกระจายความเจริญในการอยู่อาศัย และแหล่งงานออกไปนอกเมืองได้มากขึ้น

จากแนวโน้มการเติบโตของเมืองมหาชัย ที่ทางบริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC ผู้นำด้านงานวิศวกรรมโครงสร้างพื้นฐาน งานก่อสร้าง งานระบบ และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้ทำการวิเคราะห์มาแล้วนั้น ทำให้ทางอีเอ็มซี มองเห็นโอกาสในการลงทุนดำเนินธุรกิจ จึงได้ตัดสินใจทำโครงการ “แลนด์มาร์ค มหาชัย” คอมมูนิตีมอลล์แห่งใหม่ในย่านใจกลางเมืองมหาชัย โดยเป็นโครงการประเภทมิกซ์ยูส ประกอบด้วยคอมมูนิตีมอลล์ 4 ชั้น (รวมชั้นจอดรถใต้ดิน) จำนวน 2 อาคาร และอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น จำนวน 101 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,250 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนนิคมรถไฟ ตำบลมหาชัย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เนื้อที่โครงการรวม 16 ไร่ โดยเป็นการเช่าที่ดินจากการรถไฟฯ และถือครองกรรมสิทธิ์เป็นระยะเวลา 30 ปี

นายเศรษฐวัจน์ ตั้งวัชรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ สายงานอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากทำเลที่ตั้งของโครงการ ซึ่งนับเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง การเดินทางสะดวกสบาย ไม่ต้องขับรถเข้าเมือง หรือเข้าสู่ถนนใหญ่ เช่น ถนนพระราม 2 อีกทั้งยังมีทางเข้า-ออกสำหรับรถยนต์ 2 ทาง คือ ถนนนิคมรถไฟ และถนนเอกชัย และทางออกอีก 1 ทาง คือ ถนนกิจมณี นอกจากนี้ ยังมีจุดพักจอดรถไฟที่เชื่อมต่อเข้ามาในโครงการอีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในย่านมหาชัย ที่มีความต้องการศูนย์รวมที่ครบวงจร สามารถชอปปิ้ง และทำกิจกรรมอื่นๆ พร้อมกันได้เหมือนกับห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ โดยไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่มากนัก แต่มีร้านค้า และสินค้าที่จับต้องได้ คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ ยังอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญ และแหล่งชุมชน อาทิ เทศบาลสมุทรสาคร โรงเรียนอนุบาลสมุทรสาคร โรงเรียนสมุทรสาครบูรณะ โรงเรียนเทศบาลบ้านมหาชัย โรงพยาบาลสมุทรสาครโรงพยาบาลเอกชัย และแหล่งชุมชนหนาแน่นสูง มหาชัยจึงเป็นเมืองเศรษฐกิจหลักของจังหวัดที่มีเส้นทางการคมนาคม และขนส่งสะดวกสบายทั้งทางรถยนต์ รถไฟ และการคมนาคมทางน้ำ และที่สำคัญโครงการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่สีแดงของ ผังเมืองสมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่โซนสีที่สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการพาณิชยกรรมขนาดใหญ่เกิน 10,000 ตารางเมตร ได้เพียงโซนเดียวเท่านั้น

ด้านการออกแบบโครงการ “แลนด์มาร์ค มหาชัย” เป็นคอมมูนิตีมอลล์ที่ทันสมัยภายใต้คอนเซ็ปต์สถาปัตยกรรมที่เน้นการผสมผสานระหว่างโครงสร้าง และองค์ประกอบของสถานีรถไฟอันเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมให้เข้ากับความนำสมัย ทำให้เกิดรูปแบบของมอลล์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางเมืองมหาชัย ซึ่งพื้นที่ภายในมอลล์ประกอบด้วยโซนมอลล์ชั้น 1, 2, 3 มากกว่า 6,000 ตารางเมตร ที่ครบครันทั้งสินค้า และบริการหลากหลาย อาทิ ซูเปอร์มาร์เกต โซนร้านอาหารทั้งแบรนด์ดัง และท้องถิ่น โซนร้านค้าแฟชั่น โซนตลาดนัด ศูนย์อาหาร พร้อมโซนสินค้าไอที และโซนเซอร์วิสที่ครบครันทั้งสินค้าโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ไอทีต่างๆ และเคาน์เตอร์บริการจากค่ายผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือชั้นนำ อาทิ True Move H และ AIS ทำให้แลนด์มาร์ค มหาชัย เป็นศูนย์รวมไอทีแห่งใหม่ใจกลางเมืองมหาชัย ซึ่งรวบรวมเพื่อทุกไลฟ์สไตล์ของการพักผ่อน ทั้งชอปปิ้ง กิน เที่ยว เอาไว้ในที่เดียวที่สามารถใช้ชีวิตในหนึ่งวันได้อย่างเต็มที่

ปัจจุบัน โครงการโดยภาพรวมก่อสร้างแล้วเสร็จกว่า 70% โดยพร้อมเปิดให้บริการต้นปี 2560 และด้วยความเจริญที่กำลังเข้ามาในระดับนี้ คาดว่าการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ในด้านที่อยู่อาศัย หรือในด้านธุรกิจการลงทุนต่างๆ ซึ่งทำให้เราคาดหวังเป็นอย่างดีว่า แลนด์มาร์ค มหาชัย จะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สามารถตอบโจทย์การเติบโตของเมืองนี้ได้อย่างแน่นอน” นายเศรษฐวัจน์ กล่าว
 



กำลังโหลดความคิดเห็น