สอศ. ออก 7 มาตรการเข้มคุม 21 วิทยาลัยอาชีวะกลุ่มเสี่ยงก่อเหตุวิวาทซ้ำซาก ทั้งกำหนด 12 เส้นทางหลัก กทม. ปริมาณฑล ส่ง จนท. พร้อมประสาน ตร. ลงไปประจำใน 2 ช่วงเวลา เตรียมใช้วิธีคัดกรองเด็กหากมีประวัติตีกัน - ยาเสพติด ไม่ให้รับเข้าเรียนหรือให้ใช้ดุลพินิจ เตรียมยุบรวมบางสาขาของวิทยาลัยคู่อริแล้วจับเด็กมาเรียนรวมกัน ลั่นปี 58 จะลงไปจัดการเรื่องรับ นร. กลุ่มนี้เป็นพิเศษไม่เน้นจำนวนคน แต่เน้นคุณภาพ
วันนี้ (4 ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) เปิดเผยภายหลังประชุมมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาท ร่วมกับ 21 วิทยาลัยกลุ่มเสี่ยงในสังกัด สอศ. พื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ได้แก่ นครปฐม ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา และ สมุทรสาคร ว่า สอศ. ได้ออก 7 มาตรการพิเศษสำหรับควบคุมและป้องปรามปัญหานักเรียนของ 21 วิทยาลัยกลุ่มก่อเหตุซ้ำซาก ไม่ให้มีโอกาสก่อเหตุขึ้นมาอีกโดยเฉพาะก่อนปิดภาคเรียน โดยมาตรการทั้ง 7 มีดังนี้ มาตรการที่ 1 การดูแลความปลอดภัยในการเดินทางไป - กลับของนักเรียนใน 21 วิทยาลัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ถนนปลอดภัย ซึ่งจะมีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดส่งสายตรวจและส่งเจ้าหน้าที่วิทยาลัยไปประจำใน 12 ถนนสายหลักที่วิทยาลัยตั้งอยู่และเกิดเหตุประจำโดยให้ประจำอยู่ในจุดใน 2 ช่วงเวลา ดังนี้ ช่วงแรกตั้งแต่เวลา 07.00 - 09.00 น. และช่วงที่สอง ตั้งแต่เวลา 15.00 - 18.00 น.
ทั้งนี้ ถนนสายหลัก 12 สาย มีดังนี้ เส้นทางที่ 1 ถนนสุวินทวงศ์ ตั้งแต่มีนบุรีถึงหนองจอก ซึ่งมีวิทยาลัยตั้งอยู่ 3 แห่ง เส้นทางที่ 2 ถนนเพชรเกษม ตั้งแต่แยกนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ถึงตัวเมืองนครปฐม เส้นที่ 3 พระนครศรีอยุธยา เริ่มตั้งแต่แยกบริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา เขตเกาะเมือง ถึงวังน้อย ตามเส้นทางนิคมอุตสาหกรรมโรจนะซึ่งเกิดเหตุบ่อย เส้นที่ 4 ถนนบางนา-ตราด ตั้งแต่กิโลเมตร 21-25 เส้นที่ 5 ตั้งแต่วิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม ถึงถนนเอกชัยบางบอน เส้นที่ 6 ถนนพระรามที่ 2 ถึงมหาชัยเมืองใหม่ เส้นที่ 7 ถนนพหลโยธิน ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าว ถึงถนนวิภาวดีรังสิต เส้นที่ 8 ถนนวิภาวดีรังสิต ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าว ถึงรังสิต เส้นที่ 9 ถนนติวานนท์ ตั้งแต่แยกแครายถึงตลาดพูนทรัพย์ เส้นทางที่ 10 ถนนรังสิต-องครักษ์ ตั้งแต่แยกรังสิตถึงองครักษ์ เส้นที่ 11 ถนนเศรษฐกิจ จังหวัดสมุทรสาคร ตั้งแต่แยกกระทุ่มแบน ถึงอ้อมน้อย และเส้นที่ 12 ถนนพิบูลย์สงคราม ตั้งแต่แยกบางโพ ถึงท่าน้ำนนท์ จังหวัดนนทบุรี
นายชัยพฤกษ์ กล่าวต่อว่า มาตรการที่ 2 ได้สั่งการให้วิทยาลัยทั้ง 21 แห่ง ติดตั้งกล้องความเร็วสูงรอบวิทยาลัย ซึ่งสามารถเก็บภาพความเคลื่อนไหวและรายละเอียดได้ จึงสามารถใช้เป็นหลักฐานมัดตัวผู้ก่อเหตุได้และคาดหวังว่าการติดกล้องดังกล่าวจะเป็นการขู่ให้เด็กที่จะก่อเหตุเกิดความยับยั้งชั่งใจ และล้มเลิกความตั้งใจก่อเหตุไป ขณะที่มาตรการที่ 3 มาตรการเฝ้าระวังช่วงเวลาเรียน ห้ามไม่ให้นักศึกษาของ 21 วิทยาลัยออกนอกสถานศึกษาในเวลาเรียนเด็ดขาด และจะมีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดชุดเฝ้าระวังสอดส่องในช่วงเวลาเรียน และมีการเฝ้าระวังการนัดการก่อเหตุทางโซเชียลมีเดียด้วย
ส่วนมาตรการที่ 4 ปรับเปลี่ยนการจัดการเรียนการสอนของ 21 วิทยาลัย เพราะพบว่าการเรียนการสอนของหลายวิทยาลัย รวมทั้งวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน มีเวลาว่างระหว่างวันมากเกินไป สาเหตุเพราะไม่มีห้องปฏิบัติการ และครูไม่เพียงพอ นักศึกษาจะมารวมกลุ่มกันทำกิจกรรมบางประการ เพราะฉะนั้นจะต้องปรับการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญ สอศ. จะใช้มาตรการยุบรวมสาขาเดียวกันของวิทยาลัยที่อยู่ใกล้กันแล้วนำเด็กของวิทยาลัยที่ยุบรวมมาเรียนรวมกัน เด็กที่เคยอยู่ต่างวิทยาลัยและเป็นคู่อริกันจะได้เลิกก่อเหตุ เช่น วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา และวิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมต่อเรือพระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ใกล้กันและเป็นคู่อริ เปิดสอนในสาขาใกล้เคียงกันมาก ก็จะมีการยุบรวมให้เด็กที่เรียนสาขาเดียวกันไปเรียนร่วมกันที่วิทยาลัยแห่งใดแห่งหนึ่ง โดยในปีการศึกษา 2558 สอศ. จะเข้าไปดูแผนการรับนักเรียนของทั้ง 21 วิทยาลัยอย่างใกล้ชิด หากตั้งอยู่ในจังหวัดเดียวกันหรือพื้นที่ใกล้เคียงกัน จะไม่ให้เปิดสอนในสาขาเดียวกัน
มาตรการที่ 5 จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยให้ตำรวจตั้งข้อหาเอาผิดกับเด็กที่ก่อเหตุไม่ใช่ปล่อยให้ประกันตัวออกไปง่ายๆ หากกระทำในความผิดหนักให้ตั้งข้อหาพยายามฆ่า ซึ่งในบางพื้นที่เริ่มทำแล้ว ส่วนของวิทยาลัยหากมีเด็กก่อเหตุวิวาทต่อไปต้องลงโทษตามระเบียบเข้มข้นจริงจัง ไม่ปล่อยยืดเยื้อ มาตรการที่ 6. คัดกรองการรับนักเรียนของวิทยาลัย 21 แห่งนี้อย่างเข้มข้น โดยตรวจสอบประวัติของผู้สมัครเรียนว่ามีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทะเลาะวิวาท และยาเสพติดหรือไม่ หากมีประวัติพัวพันก็ไม่ให้รับเข้าเรียน เพราะจะเป็นการเพิ่มปัญหาให้หนักขึ้นอีกทั้งนี้ให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของวิทยาลัย และมาตรการที่ 7 สอศ. จะเสนอเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นทางสังคม ระดมทุกภาคส่วนตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน ท้องถิ่น ตำรวจ ทหารเข้ามาช่วยแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ยกตัวอย่างที่ผ่านมาหากพื้นที่ใดมีทหารเข้าไปจัดการปัญหาจริงจัง การก่อเหตุในพื้นที่นั้นจะลดลงอย่างมาก
“ทั้ง 7 มาตรการนี้จะเป็นมาตรการสำหรับแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว สอศ. จะจัดให้ทั้ง 21 วิทยาลัยเป็นสถานศึกษากลุ่มพิเศษไม่เน้นรับนักเรียนจำนวนมาก จำกัดจำนวนนักเรียนไว้ให้ไม่มากเกินไปเพื่อให้ง่ายต่อการแก้ปัญหาทะเลาะวิวาท โดย สอศ. จะเข้าไปดูแลคุณภาพการเรียนการสอนเพื่อยกระดับวิทยาลัยกลุ่มนี้ขึ้นมาให้ได้ไม่ให้ได้ชื่อว่าเป็นวิทยาลัยเกรดสอง เพราะส่วนใหญ่เด็กที่ก่อเหตุมักรู้สึกว่าวิทยาลัยตนเองเป็นวิทยาลัยเกรดสอง ทั้งนี้ให้ทั้ง 21 วิทยาลัยนำ 7 มาตรการไปดำเนินการทันทีและคาดหวังว่าก่อนปิดเทอมนี้จะไม่มีเหตุวิวาทอีก” นายชัยพฤกษ์ กล่าว
เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบการก่อเหตุวิวาทในปีการศึกษา 2557 นั้นลดลงจากปีการศึกษา 2556 ความรุนแรงของเหตุการณ์ก็ลดลง แต่ที่ สอศ. ต้องออกมาตรการแรง เพราะปัญหาดังกล่าวเกิดมาซ้ำซากเป็น 10 ปีอีกทั้งทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยนบายให้ดูแลปัญหานี้อย่างจริงจัง รวมถึง พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการทหารบกและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศึกษาธิการ) ได้โทรศัพท์มาสอบถามกรณีนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ และวิทยาลัยการอาชีพสมุทรปราการ ก่อเหตุวิวาท ขณะที่ผู้ปกครองและวิทยาลัยก็กังวลใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของนักศึกษา สอศ. จึงตัดสินใจเรียก 21 วิทยาลัยมาประชุมด่วนเพื่อทบทวนมากตรการแก้ปัญหาทะเลาะวิวาทที่ใช้ออยู่จนนำมาสู่การออกมาตรการคุมเข้มดังกล่าว
อนึ่ง สำหรับ 21 วิทยาลัยกลุ่มเสี่ยง ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกมหานคร วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี วิทยาลัยการอาชีพกาญจนาภิเษกหนอกจอก วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินูทิศ วิทยาลัยเทคนิคดุสิต วิทลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกสมุทรปราการ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ วิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรปราการ วิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม วิทยาลัยสารพัดช่างนครหลวง วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมต่อเรือพระนครศรีอยุธยา วิทยาลัยเทคนิคจุฬาภรณ์ (ลาดขวาง) วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร วิทยาลัยเทคนิคนนทบุรี และวิทยาลัยธัญบุรี
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (4 ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) เปิดเผยภายหลังประชุมมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาท ร่วมกับ 21 วิทยาลัยกลุ่มเสี่ยงในสังกัด สอศ. พื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ได้แก่ นครปฐม ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา และ สมุทรสาคร ว่า สอศ. ได้ออก 7 มาตรการพิเศษสำหรับควบคุมและป้องปรามปัญหานักเรียนของ 21 วิทยาลัยกลุ่มก่อเหตุซ้ำซาก ไม่ให้มีโอกาสก่อเหตุขึ้นมาอีกโดยเฉพาะก่อนปิดภาคเรียน โดยมาตรการทั้ง 7 มีดังนี้ มาตรการที่ 1 การดูแลความปลอดภัยในการเดินทางไป - กลับของนักเรียนใน 21 วิทยาลัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ถนนปลอดภัย ซึ่งจะมีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดส่งสายตรวจและส่งเจ้าหน้าที่วิทยาลัยไปประจำใน 12 ถนนสายหลักที่วิทยาลัยตั้งอยู่และเกิดเหตุประจำโดยให้ประจำอยู่ในจุดใน 2 ช่วงเวลา ดังนี้ ช่วงแรกตั้งแต่เวลา 07.00 - 09.00 น. และช่วงที่สอง ตั้งแต่เวลา 15.00 - 18.00 น.
ทั้งนี้ ถนนสายหลัก 12 สาย มีดังนี้ เส้นทางที่ 1 ถนนสุวินทวงศ์ ตั้งแต่มีนบุรีถึงหนองจอก ซึ่งมีวิทยาลัยตั้งอยู่ 3 แห่ง เส้นทางที่ 2 ถนนเพชรเกษม ตั้งแต่แยกนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ถึงตัวเมืองนครปฐม เส้นที่ 3 พระนครศรีอยุธยา เริ่มตั้งแต่แยกบริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา เขตเกาะเมือง ถึงวังน้อย ตามเส้นทางนิคมอุตสาหกรรมโรจนะซึ่งเกิดเหตุบ่อย เส้นที่ 4 ถนนบางนา-ตราด ตั้งแต่กิโลเมตร 21-25 เส้นที่ 5 ตั้งแต่วิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม ถึงถนนเอกชัยบางบอน เส้นที่ 6 ถนนพระรามที่ 2 ถึงมหาชัยเมืองใหม่ เส้นที่ 7 ถนนพหลโยธิน ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าว ถึงถนนวิภาวดีรังสิต เส้นที่ 8 ถนนวิภาวดีรังสิต ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าว ถึงรังสิต เส้นที่ 9 ถนนติวานนท์ ตั้งแต่แยกแครายถึงตลาดพูนทรัพย์ เส้นทางที่ 10 ถนนรังสิต-องครักษ์ ตั้งแต่แยกรังสิตถึงองครักษ์ เส้นที่ 11 ถนนเศรษฐกิจ จังหวัดสมุทรสาคร ตั้งแต่แยกกระทุ่มแบน ถึงอ้อมน้อย และเส้นที่ 12 ถนนพิบูลย์สงคราม ตั้งแต่แยกบางโพ ถึงท่าน้ำนนท์ จังหวัดนนทบุรี
นายชัยพฤกษ์ กล่าวต่อว่า มาตรการที่ 2 ได้สั่งการให้วิทยาลัยทั้ง 21 แห่ง ติดตั้งกล้องความเร็วสูงรอบวิทยาลัย ซึ่งสามารถเก็บภาพความเคลื่อนไหวและรายละเอียดได้ จึงสามารถใช้เป็นหลักฐานมัดตัวผู้ก่อเหตุได้และคาดหวังว่าการติดกล้องดังกล่าวจะเป็นการขู่ให้เด็กที่จะก่อเหตุเกิดความยับยั้งชั่งใจ และล้มเลิกความตั้งใจก่อเหตุไป ขณะที่มาตรการที่ 3 มาตรการเฝ้าระวังช่วงเวลาเรียน ห้ามไม่ให้นักศึกษาของ 21 วิทยาลัยออกนอกสถานศึกษาในเวลาเรียนเด็ดขาด และจะมีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดชุดเฝ้าระวังสอดส่องในช่วงเวลาเรียน และมีการเฝ้าระวังการนัดการก่อเหตุทางโซเชียลมีเดียด้วย
ส่วนมาตรการที่ 4 ปรับเปลี่ยนการจัดการเรียนการสอนของ 21 วิทยาลัย เพราะพบว่าการเรียนการสอนของหลายวิทยาลัย รวมทั้งวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน มีเวลาว่างระหว่างวันมากเกินไป สาเหตุเพราะไม่มีห้องปฏิบัติการ และครูไม่เพียงพอ นักศึกษาจะมารวมกลุ่มกันทำกิจกรรมบางประการ เพราะฉะนั้นจะต้องปรับการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญ สอศ. จะใช้มาตรการยุบรวมสาขาเดียวกันของวิทยาลัยที่อยู่ใกล้กันแล้วนำเด็กของวิทยาลัยที่ยุบรวมมาเรียนรวมกัน เด็กที่เคยอยู่ต่างวิทยาลัยและเป็นคู่อริกันจะได้เลิกก่อเหตุ เช่น วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา และวิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมต่อเรือพระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ใกล้กันและเป็นคู่อริ เปิดสอนในสาขาใกล้เคียงกันมาก ก็จะมีการยุบรวมให้เด็กที่เรียนสาขาเดียวกันไปเรียนร่วมกันที่วิทยาลัยแห่งใดแห่งหนึ่ง โดยในปีการศึกษา 2558 สอศ. จะเข้าไปดูแผนการรับนักเรียนของทั้ง 21 วิทยาลัยอย่างใกล้ชิด หากตั้งอยู่ในจังหวัดเดียวกันหรือพื้นที่ใกล้เคียงกัน จะไม่ให้เปิดสอนในสาขาเดียวกัน
มาตรการที่ 5 จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยให้ตำรวจตั้งข้อหาเอาผิดกับเด็กที่ก่อเหตุไม่ใช่ปล่อยให้ประกันตัวออกไปง่ายๆ หากกระทำในความผิดหนักให้ตั้งข้อหาพยายามฆ่า ซึ่งในบางพื้นที่เริ่มทำแล้ว ส่วนของวิทยาลัยหากมีเด็กก่อเหตุวิวาทต่อไปต้องลงโทษตามระเบียบเข้มข้นจริงจัง ไม่ปล่อยยืดเยื้อ มาตรการที่ 6. คัดกรองการรับนักเรียนของวิทยาลัย 21 แห่งนี้อย่างเข้มข้น โดยตรวจสอบประวัติของผู้สมัครเรียนว่ามีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทะเลาะวิวาท และยาเสพติดหรือไม่ หากมีประวัติพัวพันก็ไม่ให้รับเข้าเรียน เพราะจะเป็นการเพิ่มปัญหาให้หนักขึ้นอีกทั้งนี้ให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของวิทยาลัย และมาตรการที่ 7 สอศ. จะเสนอเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นทางสังคม ระดมทุกภาคส่วนตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน ท้องถิ่น ตำรวจ ทหารเข้ามาช่วยแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ยกตัวอย่างที่ผ่านมาหากพื้นที่ใดมีทหารเข้าไปจัดการปัญหาจริงจัง การก่อเหตุในพื้นที่นั้นจะลดลงอย่างมาก
“ทั้ง 7 มาตรการนี้จะเป็นมาตรการสำหรับแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว สอศ. จะจัดให้ทั้ง 21 วิทยาลัยเป็นสถานศึกษากลุ่มพิเศษไม่เน้นรับนักเรียนจำนวนมาก จำกัดจำนวนนักเรียนไว้ให้ไม่มากเกินไปเพื่อให้ง่ายต่อการแก้ปัญหาทะเลาะวิวาท โดย สอศ. จะเข้าไปดูแลคุณภาพการเรียนการสอนเพื่อยกระดับวิทยาลัยกลุ่มนี้ขึ้นมาให้ได้ไม่ให้ได้ชื่อว่าเป็นวิทยาลัยเกรดสอง เพราะส่วนใหญ่เด็กที่ก่อเหตุมักรู้สึกว่าวิทยาลัยตนเองเป็นวิทยาลัยเกรดสอง ทั้งนี้ให้ทั้ง 21 วิทยาลัยนำ 7 มาตรการไปดำเนินการทันทีและคาดหวังว่าก่อนปิดเทอมนี้จะไม่มีเหตุวิวาทอีก” นายชัยพฤกษ์ กล่าว
เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบการก่อเหตุวิวาทในปีการศึกษา 2557 นั้นลดลงจากปีการศึกษา 2556 ความรุนแรงของเหตุการณ์ก็ลดลง แต่ที่ สอศ. ต้องออกมาตรการแรง เพราะปัญหาดังกล่าวเกิดมาซ้ำซากเป็น 10 ปีอีกทั้งทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยนบายให้ดูแลปัญหานี้อย่างจริงจัง รวมถึง พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการทหารบกและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศึกษาธิการ) ได้โทรศัพท์มาสอบถามกรณีนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ และวิทยาลัยการอาชีพสมุทรปราการ ก่อเหตุวิวาท ขณะที่ผู้ปกครองและวิทยาลัยก็กังวลใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของนักศึกษา สอศ. จึงตัดสินใจเรียก 21 วิทยาลัยมาประชุมด่วนเพื่อทบทวนมากตรการแก้ปัญหาทะเลาะวิวาทที่ใช้ออยู่จนนำมาสู่การออกมาตรการคุมเข้มดังกล่าว
อนึ่ง สำหรับ 21 วิทยาลัยกลุ่มเสี่ยง ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกมหานคร วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี วิทยาลัยการอาชีพกาญจนาภิเษกหนอกจอก วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินูทิศ วิทยาลัยเทคนิคดุสิต วิทลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกสมุทรปราการ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ วิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรปราการ วิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม วิทยาลัยสารพัดช่างนครหลวง วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมต่อเรือพระนครศรีอยุธยา วิทยาลัยเทคนิคจุฬาภรณ์ (ลาดขวาง) วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร วิทยาลัยเทคนิคนนทบุรี และวิทยาลัยธัญบุรี
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
