xs
xsm
sm
md
lg

เชือดซ้ำ “เบสท์ริน กรุ๊ป” มั่วนำเข้าเมล์เอ็นจีวี Sunlong ศุลกากรส่งทีมบุกมาเลย์คุ้ยหลักฐานมัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ศุลกากร” เตรียมแถลงความคืบหน้าอายัดเมล์เอ็นจีวี ยี่ห้อ Sunlong จำนวน 99 คันของ “เบสท์ริน กรุ๊ป” วันนี้ หลังส่งทีมไปตรวจสอบข้อมูลถึงมาเลเซีย ด้านวงในแฉเอกสารนำเข้าสุดมั่ว ระบุแหล่งกำเนิดสินค้าสูงจนโอเวอร์ ขณะที่ล็อต 3 จำนวน 145 คันมาจ่อคิวที่แหลมฉบังแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (13 ธ.ค.) มีความเป็นไปได้สูงที่กรมศุลกากร จะมีการแถลงความคืบหน้าหลังจากส่งทีมเดินทางไปดูโรงงานผลิตในมาเลเซีย กรณีการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมการนำเข้ารถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (เอ็นจีวี) ยี่ห้อ Sunlong จำนวน 99 คัน ของบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ที่มี นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา เป็นประธานกรรมการ ที่ชนะการประมูลในโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน วงเงิน 3,300 ล้านบาท และนำเข้าโดยบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด แต่ถูกอายัดรถไว้ที่ท่าเรือแหลมฉลัง

ทั้งนี้ เนื่องจากพบว่า หลักฐานการขนส่งทางเรือต้นทางมาจากประเทศจีน ไปยังมาเลเซีย และส่งต่อมายังประเทศไทย แต่บริษัทผู้ชนะการประมูลสำแดงเอกสารว่า เป็นสินค้าที่มีถิ่นฐานอยู่ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งอยู่ในกรอบข้อตกลงของอาเซียน เรื่องการยกเว้นอากรนำเข้า โดยจะได้รับการยกเว้นภาษี จากปกติต้องจ่ายในอัตรา 40%

รายงานข่าวระบุว่า กรณีการนำเข้ารถล็อตดังกล่าวมีข้อสงสัยในหลายจุด เช่น จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ปรากฏในรายละเอียดจากบริษัท อาร์ แอนด์ เอ คอมเมอเชียล วีฮีเคลส์ เอสดีเอ็น บีเอชดี โรงงานประกอบรถดังกล่าว มีการใช้วัตถุดิบในประเทศมากกว่า 90% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เอกสารไม่ถูกต้อง เพราะหากใช้วัตถุดิบในสัดส่วนสูงเช่นนั้น จะต้องมีโรงงานผลิตเครื่องยนต์ เกียร์ ถังแก๊ส แอร์ ตัวถัง คัชซี รวมถึงชิ้นส่วนทั้งหมดเอง

ทั้งนี้ ตามข้อตกลงสนธิสัญญาเขตการค้าเสรีกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศสมาชิกร่วมกัน จะยกเว้นภาษีหากประเทศผู้ผลิตผลิตสินค้าที่ใช้วัตถุดิบ อุปกรณ์ แรงงานภายในประเทศผู้ผลิตมากกว่า 40% จะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า

ส่วนเงื่อนไขที่เบสท์รินฯ ทำกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นั้นระบุว่า ต้องเป็นรถ Sunlong ที่ประกอบในมาเลเซีย ไม่ใช่รถ Sunlong ที่ประกอบในประเทศจีน แต่จากเอกสาร และหลักฐานที่กรมศุลกากร ตรวจสอบพบ ชี้ชัดได้ว่า รถจำนวนดังกล่าวประกอบในจีนแล้วส่งไปพักไว้ที่มาเลเซีย และส่งต่อมายังประเทศไทย ซึ่ง ขสมก.จะรับมอบรถส่วนนี้ไม่ได้ เพราะจะถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบแน่นอน เพราะจับตามองเรื่องนี้อยู่

มีรายงานอีกว่า กรณีที่ไม่สามารถนำรถออกจากท่าเรือแหลมฉบัง ในวันที่รถล็อตนี้เข้ามาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงประชุมที่ท่าเรือฯ เพื่อทำการตรวจสอบรถเมล์ที่เข้ามาในท่าเรือ แต่พบว่า มีเจ้าหน้าที่บางรายคอยอำนวยความสะดวกในการขนส่งในช่วงเวลากลางคืน ถือเป็นช่วงเวลานอกทำการ จนมีการตรวจสอบรถล็อตดังกล่าว

ซึ่งจนถึงขณะนี้ รถทั้งหมดยังติดค้างอยู่ที่ท่าเรือฯ ผู้นำเข้าจะถูกปรับค่าจอดท่าวันละกว่า 1 แสนบาท และเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. มีรถล็อตที่ 3 จำนวน 145 คันเข้ามาถึงท่าเรือแหลมฉบังแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ หากพบว่าสำแดงแหล่งผลิตเป็นเท็จ มีโทษปรับ 2 เท่า หรือประมาณคันละ 2.4 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น