ผู้จัดการรายวัน 360 - “เบสทริน” ยื่นข้อเสนอขอกรมศุลกากรตรวจปล่อยรถให้ก่อน ชี้มีแบงก์การันตีกว่า 300 ล้านพร้อมให้ยึด หวั่นใช้เวลาพิสูจน์เอกสารนาน พร้อมจ่ายค่าปรับภาษีนำเข้าหากผิดจริงแล้วไปฟ้องต่อกับผู้นำเข้า ชี้ไม่ต้องการให้ยกเลิกสัญญา
นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานบริษัท เบสทริน กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า กรณี กรมศุลกากร ไม่ปล่อยรถโดยสารที่ใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ (NGV) จำนวน 99 คัน โดยระบุว่า การนำเข้ารถเมล์ NGV ดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงสนธิสัญญาเขตการค้าเสรีกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน (Form D) แต่เป็นการนำเข้ารถสำเร็จรูปจากประเทศจีน ผ่านประเทศมาเลเซีย และเข้าสู่ประเทศไทยนั้น ขอชี้แจงว่า บริษัท เป็นเพียงผู้นำเข้า มีหน้าที่นำเอกสารที่ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากมาเลเซีย นำส่งและยื่นสำแดงต่อเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ไม่ได้เป็นคนจัดทำเอกสารเอง และหน่วยงานที่ออกเอกสาร Form D คือกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศของประเทศมาเลเซีย ดังนั้นการที่บอกว่าบริษัท จงใจหลีกเลี่ยงภาษี อาจทำให้สังคมเข้าใจผิด
ทั้งนี้ หากกรมศุลกากรใช้เวลาในการตรวจสอบนาน บริษัทฯมีข้อเสนอ เพื่อเป็นทางออก โดยให้กรมศุลกากรพิจารณาปล่อยรถออกมาเพื่อให้ประชาชนได้ใช้บริการตามเป้าหมายของรัฐบาล เพราะบริษัท ได้วางแบงก์การันตีไว้จำนวนกว่า 300 ล้านบาท หากในอนาคต ตรวจสอบเสร็จแล้วพบว่า. การนำเข้า Form D ไม่ถูกต้อง สามารยึดหลักประกันไปได้ แต่หากตรวจสอบแล้วทุกอย่างถูกต้อง ทางกระทรวงการคลังซึ่งค้ำประกันให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ก็จ่ายเงินค่ารถให้บริษัท วงเงิน 3,300 ล้านบาทตามสัญญา หากผิดก็ไม่ต้องจ่ายค่ารถ ซึ่งกรมศุลกากรเป็นหน่วยงานของกระทรวงการคลัง น่านะเจรจากันได้ ซึ่งจะเร่งทำหนังสือไปที่ขนมก. และกระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอทางออกนี้ด้วย
“ที่ผ่านมา ได้พยายามประสานผู้ส่งออก และกระทรวงกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศของประเทศมาเลเซีย เพื่อให้ชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตอนนี้ เบสทรินเป็นผู้เสียหาย รถที่นำออกจากท่าเรือไม่ไดเทจะมีค่าแรงค่าใช้จ่าย 3-4 แสนบาท/วัน และรถล็อต2 ทยอยเข้ามาแล้วและจะทยอยเข้ามาจนครบตามแผนการนำออกจากท่าเรือไม่ได้ทำให้บริษัทมีต้นทุนเพิ่ม”
นายคณิสสร์ กลาวว่า หากตรวจสอบเอกสารForm D พบว่าเป็นของปลอม บริษัทฯพร้อมจ่ายค่าปรับชำระภาษี เพราะถือเป็นหน้าที่ และต้องฟ้องร้องบริษัท ผู้นำเข้า ที่นำเอกสารเท็จมาให้บริษัท แต่ทั้งนี้ บริษัทฯไม่ต้องการให้เกิดการเสียหายถึงขั้นการยกเลิกสัญญาจัดซื้อ จะพยายามปฎิบัติตามสัญญา ซึ่งหากยังส่งมอบรถไม่ได้หลังวันที่ 29 ธ.ค. 2559 ขสมก.สามารถปรับได้ 10,000 บาท/คัน/วัน ตามสัญญา ซึ่งเรามีแบงก์การันตีมูลค่ากว่า 300 ล้านบาทเป็นหลักประกัน ขณะนี้ พยายามเสนอแนวทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อนำรถมาให้บริการประชาชนก่อน เพราะ เราลงทุนสั่งซื้อรถไปแล้ว 1,000 กว่าล้านบาท ตอนนี้มีค่าแรงค่าใช้จ่ายเพิ่มเพราะรถออกจากท่าเรือไม่ได้ ซึ่งขอกรมศุลกากร เร่งรัดการพิสูจน์เอกสารด้วย
นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานบริษัท เบสทริน กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า กรณี กรมศุลกากร ไม่ปล่อยรถโดยสารที่ใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ (NGV) จำนวน 99 คัน โดยระบุว่า การนำเข้ารถเมล์ NGV ดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงสนธิสัญญาเขตการค้าเสรีกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน (Form D) แต่เป็นการนำเข้ารถสำเร็จรูปจากประเทศจีน ผ่านประเทศมาเลเซีย และเข้าสู่ประเทศไทยนั้น ขอชี้แจงว่า บริษัท เป็นเพียงผู้นำเข้า มีหน้าที่นำเอกสารที่ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากมาเลเซีย นำส่งและยื่นสำแดงต่อเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ไม่ได้เป็นคนจัดทำเอกสารเอง และหน่วยงานที่ออกเอกสาร Form D คือกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศของประเทศมาเลเซีย ดังนั้นการที่บอกว่าบริษัท จงใจหลีกเลี่ยงภาษี อาจทำให้สังคมเข้าใจผิด
ทั้งนี้ หากกรมศุลกากรใช้เวลาในการตรวจสอบนาน บริษัทฯมีข้อเสนอ เพื่อเป็นทางออก โดยให้กรมศุลกากรพิจารณาปล่อยรถออกมาเพื่อให้ประชาชนได้ใช้บริการตามเป้าหมายของรัฐบาล เพราะบริษัท ได้วางแบงก์การันตีไว้จำนวนกว่า 300 ล้านบาท หากในอนาคต ตรวจสอบเสร็จแล้วพบว่า. การนำเข้า Form D ไม่ถูกต้อง สามารยึดหลักประกันไปได้ แต่หากตรวจสอบแล้วทุกอย่างถูกต้อง ทางกระทรวงการคลังซึ่งค้ำประกันให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ก็จ่ายเงินค่ารถให้บริษัท วงเงิน 3,300 ล้านบาทตามสัญญา หากผิดก็ไม่ต้องจ่ายค่ารถ ซึ่งกรมศุลกากรเป็นหน่วยงานของกระทรวงการคลัง น่านะเจรจากันได้ ซึ่งจะเร่งทำหนังสือไปที่ขนมก. และกระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอทางออกนี้ด้วย
“ที่ผ่านมา ได้พยายามประสานผู้ส่งออก และกระทรวงกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศของประเทศมาเลเซีย เพื่อให้ชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตอนนี้ เบสทรินเป็นผู้เสียหาย รถที่นำออกจากท่าเรือไม่ไดเทจะมีค่าแรงค่าใช้จ่าย 3-4 แสนบาท/วัน และรถล็อต2 ทยอยเข้ามาแล้วและจะทยอยเข้ามาจนครบตามแผนการนำออกจากท่าเรือไม่ได้ทำให้บริษัทมีต้นทุนเพิ่ม”
นายคณิสสร์ กลาวว่า หากตรวจสอบเอกสารForm D พบว่าเป็นของปลอม บริษัทฯพร้อมจ่ายค่าปรับชำระภาษี เพราะถือเป็นหน้าที่ และต้องฟ้องร้องบริษัท ผู้นำเข้า ที่นำเอกสารเท็จมาให้บริษัท แต่ทั้งนี้ บริษัทฯไม่ต้องการให้เกิดการเสียหายถึงขั้นการยกเลิกสัญญาจัดซื้อ จะพยายามปฎิบัติตามสัญญา ซึ่งหากยังส่งมอบรถไม่ได้หลังวันที่ 29 ธ.ค. 2559 ขสมก.สามารถปรับได้ 10,000 บาท/คัน/วัน ตามสัญญา ซึ่งเรามีแบงก์การันตีมูลค่ากว่า 300 ล้านบาทเป็นหลักประกัน ขณะนี้ พยายามเสนอแนวทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อนำรถมาให้บริการประชาชนก่อน เพราะ เราลงทุนสั่งซื้อรถไปแล้ว 1,000 กว่าล้านบาท ตอนนี้มีค่าแรงค่าใช้จ่ายเพิ่มเพราะรถออกจากท่าเรือไม่ได้ ซึ่งขอกรมศุลกากร เร่งรัดการพิสูจน์เอกสารด้วย