ไทยนิปปอนรับเบอร์ฯ เทรดวันแรกปิดที่ 25.75 บาท หรือเหนือจอง 9.75 บาท คิดเป็น 60.94% จากราคา IPO 16 บาท มูลค่าซื้อขาย 3,211,277.69 ล้านบาท
วันนี้ (29 พ.ย.) หุ้นของ บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR เข้าซื้อขายเป็นวันแรก โดยพบว่าเมื่อเปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 27 บาท เพิ่มขึ้นจากราคา IPO ที่กำหนดไว้หุ้นละ 16 บาท ระหว่างวันปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 27.75 บาท ต่ำสุดที่ 25 บาท และเมื่อราคาปิดราคาหุ้นอยู่ที่ 25.75 บาท เพิ่มขึ้น 9.75 บาท คิดเป็น 60.94% มูลค่าซื้อขาย 3,211,277.69 ล้านบาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมเบื้องต้นของหุ้น บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ (TNR) โดยเทียบกับธุรกิจที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกันในภูมิภาค ซึ่งมี PEG ที่ 2.6 เท่า จะได้มูลค่าที่เหมาะสมของ TNR ที่ 20.30 บาท (PER 26 เท่า) เนื่องจากปัจจุบัน TNR ยังไม่มีแผนการขยายกิจการที่ชัดเจน ทำให้ต้องใช้อัตราการเติบโตเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ราว 10% ในการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมเบื้องต้น โดยมีความเสี่ยงหลัก คือ ต้นทุนของยาง, อัตราแลกเปลี่ยนจากลูกค้าส่วนใหญ่ที่ใช้สกุลดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับ TNR รับจ้างผลิตถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติตามความต้องการของลูกค้า (OEM) และภายใต้เครื่องหมายการค้า “Onetouch” ปัจจุบัน บริษัทมีโรงงานผลิตถุงยางอนามัย 2 แห่ง ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และที่นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี โดยโรงงานแหลมฉบัง มีกำลังการผลิตติดตั้งจำนวน 426 ล้านชิ้นต่อปี และโรงงานปิ่นทอง มีกำลังการผลิตติดตั้งจำนวน 1,533 ล้านชิ้นต่อปี คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,959 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งจัดเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยที่มีกำลังการผลิตติดตั้งมากที่สุดในประเทศไทย รายได้หลักของบริษัทมาจากการทำ OEM (71%) และประมูลงานของ NGO (25%) และคิดเป็นสัดส่วนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ 90% ในด้านต้นทุนวัตถุดิบราว 87% หาได้จากภายในประเทศ
ขณะเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมธนาคาร 400 ล้านบาท และส่วนที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของกิจการ