xs
xsm
sm
md
lg

ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ เคาะราคา 16 บาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ เคาะราคา IPO หุ้นละ 16 บาท เปิดจองซื้อ 21-23 พ.ย.นี้ และคาดเข้าซื้อขาย 29 พ.ย.นี้ พร้อมแต่งตั้ง บมจ.หลักทรัพย์ กสิกรไทย เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย ผู้บริหารชูจุดแข็งธุรกิจ เป็นผู้ผลิต และจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของไทย และรายใหญ่ของโลก ด้วยกำลังการผลิตติดตั้ง 1,959 ล้านชิ้นต่อปี พร้อมวางเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในไทย และขยายตลาดส่งออกไปทั่วโลก

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘TNR’ ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO และแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทฯ สำรวจความต้องการซื้อหุ้น (Book Building) ของนักลงทุนสถาบัน เมื่อวันที่ 17-18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่ามีนักลงทุนสถาบันแสดงความสนใจซื้อที่ราคาสูงสุดหุ้นละ 16 บาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจ และศักยภาพการเติบโตของ TNR จึงได้กำหนดราคาขาย IPO ที่หุ้นละ 16 บาท โดยจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 21-23 พฤศจิกายนนี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้

ทั้งนี้ บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 75 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดย บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำนวน 37.50 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ อีกจำนวน 37.50 ล้านหุ้น รวมคิดเป็นร้อยละ 25 ของหุ้นสามัญจดทะเบียนของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ โดยก่อนเสนอขายหุ้น IPO บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ซึ่งเป็นทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้วทั้งสิ้น 262.50 ล้านบาท

สำหรับ บมจ.บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ เป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยมีธุรกิจแบ่งออกเป็น 1.ธุรกิจผลิต และจำหน่ายถุงยางอนามัย และเจลหล่อลื่นภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘Onetouch’ ซึ่งทำตลาดทั้งในไทย และต่างประเทศ 2.ธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ถุงยางอนามัย และเจลหล่อลื่น ให้แก่บริษัทเอกชน และองค์กรเอกชน (NGOs) ทั้งในไทย และต่างประเทศมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก รวมถึงได้รับจ้างผลิตถุงยางอนามัยให้กับ United Medical Devices ภายใต้เครื่องหมายการค้า PLAYBOY ทั่วโลก และเป็นผู้จัดจำหน่ายเพียงผู้เดียวในประเทศไทย และ 3.ธุรกิจงานประมูล โดยได้เข้าร่วมประมูลงานผลิตถุงยางอนามัยกับองค์กรภาครัฐ และองค์กรเอกชนทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อนำไปแจกจ่ายตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งออเดอร์ในส่วนนี้จะเข้ามาเติมเต็มการใช้กำลังการผลิต และทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าต่อหน่วยลดลง

นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ หรือ TNR กล่าวว่า บริษัทฯ มีศักยภาพ และความพร้อมด้านการผลิตถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติ ด้วยกำลังการผลิตติดตั้ง 1,959 ล้านชิ้นต่อปี จากโรงงาน 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง มีกำลังการผลิตติดตั้ง 426 ล้านชิ้น และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี มีกำลังการผลิตติดตั้ง 1,533 ล้านชิ้นต่อปี จึงถือเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งมากที่สุดของไทย และเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก

โดยบริษัทฯ มีจุดแข็งด้านเครื่องหมายการค้าที่แข็งแกร่ง และแบรนด์ Onetouch ที่มียอดขายเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ก็เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยที่หลากหลาย มีการพัฒนาเครื่องจักรในการผลิตเอง รวมถึงได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานในประเทศ และองค์กรสากล อาทิ ISO 9001, Canadian Medical Devices Regulations (CMDCAS)

ประธานกรรมการบริหาร TNR กล่าวว่า ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2556-2558 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้า 1,053.2 1,182.4 และ 1,302.2 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 96.5 108.6 และ 234.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นตามลำดับ ขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการขายสินค้า 934.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.5 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 158.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.2 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดถุงยางอนามัย ภายใต้แบรนด์ Onetouch ในประเทศไทยเป็น 35% ของตลาดรวมภายในปี 2563 จากเดิมที่มีส่วนแบ่งตลาด 20.6% ของมูลค่าตลาดรวมถุงยางอนามัยในช่วงเดือนกันยายน 2557 ถึงเดือนสิงหาคม 2558 โดยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้เปิดตัวถุงยางอนามัยวันทัช ซีโร่ ซีโร่ ทรี (Onetouch 003) ซึ่งเป็นถุงยางอนามัยผิวเรียบ แบบบาง 0.03-0.038 มิลลิเมตร ที่มีความบางที่สุดเท่าที่บริษัทฯ เคยผลิต เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักอายุ 18-45 ปี ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป และชื่นชอบถุงยางอนามัยที่บางพิเศษในราคาที่คุ้มค่า พร้อมกันนี้ จะเร่งขยายตลาดสู่ประเทศใหม่ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะทวีปเอเชีย และแอฟริกา ที่มีความต้องการใช้สินค้า และโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก ด้วยการแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายสินค้าในประเทศต่างๆ ที่มีศักยภาพ และมีเครือข่ายร้านค้าเป็นจำนวนมาก เพื่อกระจายสินค้าได้อย่างครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยตั้งเป้าเป็นผู้นำธุรกิจผลิต และจำหน่ายถุงยางอนามัย และเจลหล่อลื่นภายใต้แบรนด์ Onetouch ในประเทศไทย และกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม รวมถึงเป็นผู้นำธุรกิจรับจ้างผลิตถุงยางอนามัย และเจลหล่อลื่นระดับโลก

“เราเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัย และผลิตภัณฑ์ประเภทเจลหล่อลื่น เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่มีประสบการณ์มายาวนาน โดยต้องการขยายตลาดถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์ Onetouch ไปยังประเทศใหม่ๆ ในทวีปต่างๆ และขยายฐานลูกค้าในการรับจ้างผลิตถุงยางอนามัย และเจลหล่อลื่นเพิ่มเติม” นายอมร กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น