ซีโอแอล ปรับลดการเติบโตของรายได้ปี 59 ลงจาก 10% เหลือ 7-8% หวั่นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แถมมีปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นของภาคเอกชน และผู้บริโภค มั่นใจไตรมาส 4 โตต่อเนื่องจากไตรมาส 3 เผยอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) หรือ COL กล่าวว่า บริษัทปรับลดเป้าหมายรายได้รวมปี 59 เหลือโต 7-8% จากเดิมคาดโตได้ 10% จากระดับ 1.08 หมื่นล้านบาทในปีก่อน หลังมีความท้าทายต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมีปัจจัยกดดันจากความเชื่อมั่นของภาคเอกชน และผู้บริโภค ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต่ำกว่าคาดการณ์เดิม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีก และการบริการ
อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนการขยายสาขา การเข้าร่วมแสดงนิทรรศการ งานแสดงสินค้า และกิจกรรมการตลาด อีกทั้งการปรับปรุงร้านให้ทันสมัย เลือกสรรผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการในตลาด
ทั้งนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 จะยังคงเติบโตจากไตรมาส 3 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันที่จะส่งผลดีต่อยอดขาย แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลการดำเนินงานอาจจะอ่อนตัวลง ซึ่งน่าจะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวดีมากนัก ขณะที่บริษัทก็เน้นการจัดกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วงที่เหลือของปีก็ยังขยายสาขาเพิ่มอีกรวม 4-5 สาขา แบ่งเป็น B2S จำนวน 2-3 สาขา และ OfficeMate จำนวน 2 สาขา เน้นในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัดบางพื้นที่ โดยใช้งบลงทุน 5-10 ล้านบาท/สาขา จากปัจจุบันมีสาขา B2S อยู่ที่ 96 สาขา และ OfficeMate อยู่ที่ 64 สาขา
ส่วนแผนการลงทุนในประเทศเวียดนาม คาดว่าจะเปิดสาขาใหม่ในเดือน ธ.ค.59 จำนวน 1 สาขา โดยจะเป็นการนำสินค้าทั้งของ B2S และ OfficeMate ไปวางจำหน่าย ซึ่งการลงทุนในเวียดนาม เป็นการเข้าไปร่วมลงทุนของบริษัท บีทูเอส จำกัด กับบริษัทในประเทศเวียดนาม โดยบีทูเอส ถือหุ้น 50.99% ขณะที่ การร่วมลงทุน 49% ในบริษัท ซาโลร่า (ประเทศไทย) จำกัด (Zalora) เป็นการเข้ามาต่อยอดทางธุรกิจออนไลน์ของทั้งกลุ่มเซ็นทรัล หลังมองว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มหันมาซื้อของผ่านออนไลน์มากขึ้น คาดว่าสัดส่วนธุรกิจออนไลน์น่าจะขยับเพิ่มขึ้นได้จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 4%
นายวรวุฒิ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานปี 60 ว่าอยู่ระหว่างจัดทำแผนการดำเนินงาน คาดจะเห็นความชัดเจนของแผนดังกล่าวได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า โดยเบื้องต้นตั้งงบลงทุน 800 ล้านบาท ใช้สำหรับการก่อสร้าง และวางระบบไอที และการบริหารจัดการสินค้าอัตโนมัติครบวงจร เพื่อดำเนินการก่อสร้างคลังสินค้าใหม่ พื้นที่ 15,000-20,000 ตารางเมตร คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 60 และแล้วเสร็จได้ในปี 61 และอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการ หรือการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน เพื่อจะเข้ามาต่อยอดการเติบโตของธุรกิจ
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) หรือ COL กล่าวว่า บริษัทปรับลดเป้าหมายรายได้รวมปี 59 เหลือโต 7-8% จากเดิมคาดโตได้ 10% จากระดับ 1.08 หมื่นล้านบาทในปีก่อน หลังมีความท้าทายต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมีปัจจัยกดดันจากความเชื่อมั่นของภาคเอกชน และผู้บริโภค ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต่ำกว่าคาดการณ์เดิม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีก และการบริการ
อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนการขยายสาขา การเข้าร่วมแสดงนิทรรศการ งานแสดงสินค้า และกิจกรรมการตลาด อีกทั้งการปรับปรุงร้านให้ทันสมัย เลือกสรรผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการในตลาด
ทั้งนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 จะยังคงเติบโตจากไตรมาส 3 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันที่จะส่งผลดีต่อยอดขาย แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลการดำเนินงานอาจจะอ่อนตัวลง ซึ่งน่าจะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวดีมากนัก ขณะที่บริษัทก็เน้นการจัดกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วงที่เหลือของปีก็ยังขยายสาขาเพิ่มอีกรวม 4-5 สาขา แบ่งเป็น B2S จำนวน 2-3 สาขา และ OfficeMate จำนวน 2 สาขา เน้นในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัดบางพื้นที่ โดยใช้งบลงทุน 5-10 ล้านบาท/สาขา จากปัจจุบันมีสาขา B2S อยู่ที่ 96 สาขา และ OfficeMate อยู่ที่ 64 สาขา
ส่วนแผนการลงทุนในประเทศเวียดนาม คาดว่าจะเปิดสาขาใหม่ในเดือน ธ.ค.59 จำนวน 1 สาขา โดยจะเป็นการนำสินค้าทั้งของ B2S และ OfficeMate ไปวางจำหน่าย ซึ่งการลงทุนในเวียดนาม เป็นการเข้าไปร่วมลงทุนของบริษัท บีทูเอส จำกัด กับบริษัทในประเทศเวียดนาม โดยบีทูเอส ถือหุ้น 50.99% ขณะที่ การร่วมลงทุน 49% ในบริษัท ซาโลร่า (ประเทศไทย) จำกัด (Zalora) เป็นการเข้ามาต่อยอดทางธุรกิจออนไลน์ของทั้งกลุ่มเซ็นทรัล หลังมองว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มหันมาซื้อของผ่านออนไลน์มากขึ้น คาดว่าสัดส่วนธุรกิจออนไลน์น่าจะขยับเพิ่มขึ้นได้จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 4%
นายวรวุฒิ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานปี 60 ว่าอยู่ระหว่างจัดทำแผนการดำเนินงาน คาดจะเห็นความชัดเจนของแผนดังกล่าวได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า โดยเบื้องต้นตั้งงบลงทุน 800 ล้านบาท ใช้สำหรับการก่อสร้าง และวางระบบไอที และการบริหารจัดการสินค้าอัตโนมัติครบวงจร เพื่อดำเนินการก่อสร้างคลังสินค้าใหม่ พื้นที่ 15,000-20,000 ตารางเมตร คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 60 และแล้วเสร็จได้ในปี 61 และอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการ หรือการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน เพื่อจะเข้ามาต่อยอดการเติบโตของธุรกิจ