โรงพยาบาลลาดพร้าว อวดงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ กำไร 124 ล้านบาท พุ่งกว่า 95.70% โกยรายได้รวมกว่า 1,025 ล้านบาท ส่วนงบ Q3 มีรายได้รวม 354.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.93% ดันกำไรโตกว่า 39% ผู้บริหารคาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 เติบโตต่อเนื่องเหตุช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ คนป่วยเข้ามาใช้บริการรักษาพยาบาลเพิ่มมากขึ้น มั่นใจรายได้ปี 59 โตได้ตามเป้าหมาย 15%
ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.59) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,025.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็น 10.75% และมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 2.9% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิกว่า 123.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95.70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ มีสัดส่วนรายได้รวมมาจากการรักษาพยาบาลที่ 90% การบริการ 9% และอื่นๆ 1% โดยรายได้การรักษาพยาบาลมีรายได้ประมาณ 913.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 8.43% ซึ่งเป็นผลมาจากโครงการศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ 5 ศูนย์ที่ผ่านมา มีผู้ใช้บริการส่วนนี้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และจากประกันสังคม มีรายได้ประมาณ 442.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 7.7% และมีรายได้จากการบริการประมาณ 87.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 16.05%
ส่วนผลประกอบการในงวดไตรมาส 3/2559 บริษัทฯ มีรายได้รวม 354.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีที่ผ่านมา คิดเป็น 8.93% โดยมีรายได้การรักษาพยาบาลประมาณ 320.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีที่ผ่านมา คิดเป็น 9.83% และรายได้จากการบริการประมาณ 28.96 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีที่ผ่านมา คิดเป็น 1.33% และมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 4.92% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิกว่า 43.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีที่ผ่านมา คิดเป็น 39.38%
“ผลประกอบการของกิจการทั้งบริษัท และบริษัทย่อย รวมถึงการลงทุนเติบโตเฉลี่ย 11.13% โดยมีต้นทุน และค่าใช้จ่ายรวมในงวด 3 เดือน และ 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2559 จำนวน 30.1.57 และ 878.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.92% และ 3.57% ตามลำดับ เป็นผลจากการเติบโตของการให้บริการ และการเตรียมการเปิดศูนย์ความเป็นเลิศ และโครงการเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ในส่วนต้นทุนทางการเงินสะสมรวมลดลง 86.76% เนื่องจากบริษัทฯ และบริษัทย่อยไม่มีภาระหนี้สินระยะยาวใดๆ” ดร.อังกูร กล่าว
ดร.อังกูร กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวโน้มผลงานในช่วงไตรมาส 4/2559 โดยคาดว่า ผลดำเนินงานจะมีรายได้สูงต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วง High season ที่ผู้ใช้บริการจะเข้ามาใช้เพิ่มขึ้นจากโรคที่มากับฤดูฝน และหนาว และการมุ่งเน้นศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ทั้ง 5 ศูนย์ และรายได้จากการบริการที่มีรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังสูงขึ้นตามผลดำเนินการที่ผ่านมา โดยคาดว่าปี 2559 รายได้รวมจะโตได้ 15% ตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับความคืบหน้าการลงทุนอาคารศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ลาดพร้าว ขณะนี้มีคืบหน้ากว่า 80% โดยมีโครงสร้างชั้นครบถ้วน 6 ชั้น พร้อมทั้งมีการดำเนินงานระบบต่างๆ แล้ว คาดว่าจะเปิดให้บริการได้บางส่วนในปลายปี 2559 และเปิดให้บริการได้ครบในไตรมาสที่ 1/2560 โดยประกอบด้วยศูนย์การแพทย์ต่างๆ ดังนี้ ศูนย์สมองและระบบประสาท, ศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ, ศูนย์ตรวจสุขภาพ, ศูนย์กระดูกและข้อ, ศูนย์เวชศาสตร์การกีฬา, ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และหอพักผู้ป่วยใน
ด้านความคืบหน้าการลงทุนโครงการศูนย์พักฟื้น และดูแลผู้สูงอายุครบวงจร และโรงพยาบาล ลาดพร้าว ลำลูกกา คาดว่าจะย้ายสถานที่ก่อสร้างโครงการศูนย์พักฟื้นและดูแลผู้สูงอายุ ไปดำเนินการบนพื้นที่เดียวกันกับโรงพยาบาลลาดพร้าว ลำลูกกา โดยสร้างเป็นอาคารแฝดคู่กับอาคารโรงพยาบาลลาดพร้าว ลำลูกกา โดยเพิ่มจำนวนเตียงจาก 50 เตียงเป็น 100 เตียง พร้อมทั้งเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ สถานออกกำลังกายและสปาสำหรับผู้สูงอายุ สระน้ำอุ่นในร่มเพื่อกิจกรรมธาราบำบัด และห้องอเนกประสงค์เพื่อกิจกรรมต่างๆ สำหรับผู้สูงวัย คาดว่างบประมาณที่ใช้ประมาณ 200-250 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนที่ได้รับจากการระดมทุน IPO จำนวน 150 ล้านบาท ตามนโยบายที่มีอยู่เดิม และให้จัดสรรเงินคงเหลือจากผลประกอบการของบริษัทฯ เพื่อการลงทุนในส่วนของการขยายขนาด และขอบเขตเพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการ ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างปี 2560 แล้วเสร็จ และเปิดดำเนินการในปี 2562
นอกจากนี้ ในส่วนความคืบหน้าการลงทุนในโรงพยาบาลเอกชนที่มีผลกำไร ทางทีมที่ปรึกษาฯ อยู่ในระหว่างวิเคราะห์ผลประกอบการของแต่ละโรงพยาบาลฯ และการศึกษาความคุ้มค่าในการลงทุน การประเมินราคาขาย และสัดส่วนที่พร้อมจะลงทุน โรงพยาบาลเอกชนย่านพัฒนาการ และสมุทรปราการ ซึ่งคาดว่าจะสรุปผลได้ในเร็วๆ นี้