ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดตลาดวันนี้ดัชนีปรับตัวลง 25.30 จุด ปิดตลาดที่ 1,469.23 จุด เปลี่ยนแปลง -1.69% มูลค่าการซื้อขาย 58,165.16 ล้านบาท โดยดัชนีปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1,467.37 จุด และสูงสุดที่ 1,483.29 จุด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากตลาดหลักทรัพย์มีแรงขายหุ้นมาร์เกตแคปใหญ่ฉุด SET index ตั้งแต่ตลาดเช้า และยังคงขายต่อเนื่อง อาทิ PTT BANPU CPF AOT IVL เป็นต้น
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ (14 พ.ย.) ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่ม TIP ประกอบด้วยไทย อินโดนีเซีย และฟิลลิปปินส์ จากกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออก กังวลผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค.59 ประกอบกับราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวลงมาก กดดันหุ้นในกลุ่มพลังงานให้ปรับตัวลง
“คาดว่า ขาลงของตลาดฯ คงจะไม่มาก ยังมีกองทุนในประเทศที่ยังคงช่วยประคองตลาดฯ ได้ แต่ช่วงนี้แนะเก็งหุ้นเป็นรายตัวกันไปก่อนแนวรับหลักไว้ที่ 1,450 จุด แนวต้าน 1,500 จุด”
สอดคล้องกับ นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ระบุตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่จะติดลบ เนื่องจาก Fund Flow ไหลออก อันเป็นผลจากเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเร็ว ประกอบกับ มีความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากกรณีที่ นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธาน Fed ให้ข่าวว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ใกล้บรรลุภารกิจ 2 ประการของ Fed ได้แก่ การผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อในระยะยาวกลับสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% รวมทั้งการจ้างงานในระดับสูงสุด พร้อมให้แนวรับ 1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,485 จุด
“นักลงทุนรอ Fed เตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม และการชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของนายโดนัล ทรัมป์ ที่จะเน้นผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตจากภายใน จึงเข้ามาเป็นตัวเร่งให้เงินทุนต่างชาติไหลออกเร็วขึ้น ให้รอดูจังหวะเหมาะสมในการเข้าซื้อที่ 1,450 จุด โดยกลุ่มที่น่าสนใจ คือ หุ้นที่ผันผวนต่ำ เงินปันผลสูง รวมทั้งหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/59 เติบโตโดดเด่น และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน ปิดวันนี้ที่ 3,210.37 จุด เพิ่มขึ้น 14.33 จุด เปลี่ยนแปลง +0.45% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน โดยปิดตลาดพุ่งขึ้น 297.83 จุด หรือ 1.71% แตะที่ 17,672.62 จุด หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า GDP ไตรมาส 3/2559 ขยายตัว 2.2% ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 0.8%
ด้านราคาทองคำในประเทศวานนี้เปลี่ยนแปลง 10 ครั้ง โดย นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ สรุปความเคลื่อนไหวราคาทองคำวานนี้ ทางสมาคมได้มีการปรับขึ้น และลงราคาทองคำในประเทศ 10 ครั้ง โดยระหว่างวัน ราคาร่วงลงต่ำสุดรับซื้ออยู่ที่บาทละ 20,350-20,450 บาท เป็นราคาต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ก่อนที่ราคาจะปรับขึ้นมาอยู่ระดับ 20,450-20,550 บาท เนื่องจากนักลงทุนกังวล Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ย และกองทุนต่างชาติโยกเงินไปเก็งกำไรนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ โดยโยกเงินไปในเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ และไปตลาดสหรัฐฯ
“ตอนนี้มีบางกองทุนต่างชาติที่ต้องการทุบทั้งหุ้น และทองคำ เพื่อเก็งกำไร เพราะเป็นอาชีพของเค้าที่มีกำไรจากกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากเดือนหน้า Fed ขึ้นดอกเบี้ยตามที่ประเมินไว้ ราคาทองคำในประเทศอาจร่วงหลุด 20,000 บาทได้ แต่ทางสมาคมฯ เชื่อว่า Fed คงไม่ขึ้นดอกเบี้ย เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ยังไม่ดีมากนัก”