บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้แรงบวกจาก MSCI จะมีแนวโน้มประกาศปรับเพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นไทยในช่วงกลางเดือน พ.ย. โดยมีกรอบเคลื่อนตัวที่ 1,480-1,520 จุด แนะจับตาการประชุมนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แนะลงทุนหุ้นผลประกอบการเด่น ชู KCE-CPALL-BEAUTY-GFPT-FSMART-TPCH-WICE-ACAP และ BANPU ราคาถ่านหินขึ้นทำนิวไฮในรอบ 4 ปี ล่าสุด 109 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ด้านราคาทองคำแกว่งตัวผันผวนด้วยทิศทางที่เป็นบวกเล็กน้อยโดยมีปัจจัยที่เข้ามากระทบ ได้แก่ Conference Board เผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับลดลงมากกว่าคาด โดยมีแนวรับ 1,255-1,250 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,300-1,305 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจาก MSCI จะมีแนวโน้มประกาศปรับเพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นไทยในช่วงกลางเดือน พ.ย. และกระแสคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบเดือน พ.ย.
ทั้งนี้ ยังคงมีความกังวลจากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจาก FBI เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมลส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ขณะที่ผลสำรวจโพลล์ล่าสุด นางฮิลลารี คลินตัน มีคะแนนนำนายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มากที่ 46% ต่อ 45% รวมถึงราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง หลังมีกระแสคาดการณ์ว่า การประชุมกลุ่มใน และนอกโอเปก น่าจะไม่บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 1-2 พ.ย. การประชุมนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งจะทราบผลเช้าวันที่ 3 พ.ย. เวลาในไทย และในวันที่ 8 พ.ย. การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังคงอยู่ในกระแสการเก็งกำไรผลประกอบการ Q3/59 อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงหลังกลุ่มใน และนอกโอเปก ไม่สามารถตกลงการลดกำลังการผลิต ประกอบกับ Fund Flow ต่างชาติเป็น Net Sell ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. ราว 1.8 หมื่นล้านบาท กดดันต่อทิศทางดัชนี
ดังนั้น ประเมินว่า SET จะผันผวนขาขึ้น โดยมีกรอบเคลื่อนตัวที่ 1,480-1,520 จุด ทั้งนี้ แนะนำซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ได้แก่ หุ้นที่คาดว่า งบ Q3/59 จะเติบโตขึ้น แนะนำ KCE, CPALL, BEAUTY, GFPT, FSMART, TPCH, WICE และ ACAP รวมทั้ง BANPU ที่ได้รับผลดีจากการที่ราคาถ่านหินปรับขึ้นทำนิวไฮในรอบ 4 ปี ล่าสุด 109 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แกว่งตัวผันผวนด้วยทิศทางที่เป็นบวกเล็กน้อย โดยมีปัจจัยที่เข้ามากระทบ ได้แก่ Conference Board เผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับลดลงมากกว่าคาดแตะระดับ 98.6 ในเดือน ต.ค. หลังจากปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 104.1 ในเดือน ก.ย. ประกอบกับความไม่แน่นอนในผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 8 พ.ย.นี้ หลัง FBI เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมลส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ซึ่งส่งผลบวกต่อทองคำ
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นได้ในกรอบจำกัดหลังรายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐฯ ที่ออกมาขยายตัวมากกว่าคาด โดยอยู่ที่ระดับ 2.9% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.5% นอกจากนี้ รายงานการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือน ก.ย. รวมถึงกระแสการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. โดย CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 73% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน ธ.ค. และมีโอกาสเพียง 6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย.
สำหรับแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นหลังพักตัวออกข้างมาระยะหนึ่ง โดยมีแรงหนุนจากแนวรับสัญญาณ GOLDEN CROSS บวกกับฐานแนวการสร้างรูปแบบขึ้น ROUNDING BOTTOM ระยะสั้น และค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับขึ้นเป็นแรงหนุน ทำให้ราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้น โดยมีแนวรับ 1,255-1,250 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,300-1,305 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์