ผู้จัดการรายวัน360-หุ้นไทยปรับตัวลดลง 47.32 จุด ต่ำสุดในรอบ 1 เดือน เหตุคนกังวลปัจจัยภายในประเทศ และราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาสูง จึงมีแรงขายทำกำไร แนะจับตาผลประกอบการกลุ่มแบงก์ช่วยดันดัชนี นักวิเคราะห์คาดหุ้นมีโอกาสลงอีก 20-25 จุด ด้านคลังย้ำตัวเลขเศรษฐกิจไทย มีแต่ดีขึ้น มั่นใจปีนี้จีดีพีโต 3.3% แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (10 ต.ค.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดทำการที่ระดับ 1,457.02 จุด ลดลง 47.32 จุด เปลี่ยนแปลงลดลง 3.15% มูลค่าการซื้อขาย 74,142.56 ล้านบาท ถือเป็นการปิดที่ต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน โดยมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ ฉุดให้ดัชนีร่วงลงแรงตั้งแต่เปิดตลาด และยังคงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยการซื้อขายหุ้น ดัชนีหุ้นไทยร่วงกว่า 53 จุด ตั้งแต่เปิดตลาดในภาคเช้า หลังจากนั้นก็มีรีบาวด์ขึ้นมาได้บ้างในแดนลบ แต่ก็เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,470.84 จุด ส่วนดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,450.87 จุด
สำหรับสรุปยอดการซื้อขาย ต่างชาติซื้อ 998.74 ล้านบาท กองทุนขาย 7,268.24 ล้านบาท โบรกเกอร์ ขาย 627.33 ล้านบาท และรายย่อยซื้อ 6,896.83 ล้านบาท
นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สาเหตุที่ดัชนีหุ้นไทยลงแรง เนื่องจากราคาหุ้นไทยขึ้นมาอยู่ในระดับสูง ทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไรและเลือกถือเงินสด แต่เชื่อว่าปัจจัยที่เกิดขึ้นจะเป็นปัจจัยระยะสั้น ที่ตลาดเจอมาหลายครั้งและคาดว่าหลังจากนี้ตลาดจะกลับสู่ภาวะปกติได้
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคระห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงจากความกังวลปัจจัยในประเทศเป็นหลัก ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเคลื่อนไหวในแดนลบเพียงเล็ก ตามความกังวลเรื่องธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ก็ไม่ได้กังวลมากนัก เพราะตลาดได้รับรู้เรื่องนี้กันไปมหมดแล้วว่าเฟดอาจจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ขอให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/59 ของกลุ่มแบงก์ ซึ่งคาดว่าจะออกมาดีขึ้น และน่าจะส่งผลดีต่อตลาดฯ
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง คาดว่า วันนี้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสลงต่อ หากยังคงมีปัจจัยลบกดดัน ในกรณีเลวร้ายสุด ดัชนีน่าจะลงไปได้อีกประมาณ 20-25 จุด สวนทางกับปัจจัยพื้นฐายของประเทศและบริษัทจดทะเบียนไทย
"ถ้ายังลงต่อ แนวรับจิตวิทยาที่แข็งแกร่งน่าจะอยู่ที่ 1430-1425 จุด เท่ากับช่วงก่อนสงกรานต์ นักลงทุนสามารถเลือกซื้อสะสมหุ้นหลายตัวที่ราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานเก็บได้"
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย แนะนำให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์ให้นิ่งก่อน
ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หุ้นไทยร่วงแรง น่าจะเกิดจากปัจจัยทางจิตวิทยาที่มีผลเกี่ยวกับการลงทุนอื่นๆ ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจหลายๆ ตัวมีการฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยทั้งปีนี้ ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โตได้มากกว่า 3.3% แน่นอน และหากโตได้มากกว่า 3.5% ถือเป็นโบนัส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (10 ต.ค.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดทำการที่ระดับ 1,457.02 จุด ลดลง 47.32 จุด เปลี่ยนแปลงลดลง 3.15% มูลค่าการซื้อขาย 74,142.56 ล้านบาท ถือเป็นการปิดที่ต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน โดยมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ ฉุดให้ดัชนีร่วงลงแรงตั้งแต่เปิดตลาด และยังคงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยการซื้อขายหุ้น ดัชนีหุ้นไทยร่วงกว่า 53 จุด ตั้งแต่เปิดตลาดในภาคเช้า หลังจากนั้นก็มีรีบาวด์ขึ้นมาได้บ้างในแดนลบ แต่ก็เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,470.84 จุด ส่วนดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,450.87 จุด
สำหรับสรุปยอดการซื้อขาย ต่างชาติซื้อ 998.74 ล้านบาท กองทุนขาย 7,268.24 ล้านบาท โบรกเกอร์ ขาย 627.33 ล้านบาท และรายย่อยซื้อ 6,896.83 ล้านบาท
นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สาเหตุที่ดัชนีหุ้นไทยลงแรง เนื่องจากราคาหุ้นไทยขึ้นมาอยู่ในระดับสูง ทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไรและเลือกถือเงินสด แต่เชื่อว่าปัจจัยที่เกิดขึ้นจะเป็นปัจจัยระยะสั้น ที่ตลาดเจอมาหลายครั้งและคาดว่าหลังจากนี้ตลาดจะกลับสู่ภาวะปกติได้
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคระห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงจากความกังวลปัจจัยในประเทศเป็นหลัก ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเคลื่อนไหวในแดนลบเพียงเล็ก ตามความกังวลเรื่องธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ก็ไม่ได้กังวลมากนัก เพราะตลาดได้รับรู้เรื่องนี้กันไปมหมดแล้วว่าเฟดอาจจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ขอให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/59 ของกลุ่มแบงก์ ซึ่งคาดว่าจะออกมาดีขึ้น และน่าจะส่งผลดีต่อตลาดฯ
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง คาดว่า วันนี้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสลงต่อ หากยังคงมีปัจจัยลบกดดัน ในกรณีเลวร้ายสุด ดัชนีน่าจะลงไปได้อีกประมาณ 20-25 จุด สวนทางกับปัจจัยพื้นฐายของประเทศและบริษัทจดทะเบียนไทย
"ถ้ายังลงต่อ แนวรับจิตวิทยาที่แข็งแกร่งน่าจะอยู่ที่ 1430-1425 จุด เท่ากับช่วงก่อนสงกรานต์ นักลงทุนสามารถเลือกซื้อสะสมหุ้นหลายตัวที่ราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานเก็บได้"
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย แนะนำให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์ให้นิ่งก่อน
ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หุ้นไทยร่วงแรง น่าจะเกิดจากปัจจัยทางจิตวิทยาที่มีผลเกี่ยวกับการลงทุนอื่นๆ ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจหลายๆ ตัวมีการฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยทั้งปีนี้ ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โตได้มากกว่า 3.3% แน่นอน และหากโตได้มากกว่า 3.5% ถือเป็นโบนัส