บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้แรงบวกคาดการณ์ Fed จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ และการทำ Window dressing ก่อนปิดงบไตรมาส 3/59 ให้กรอบดัชนี 1,460-1,500 จุด แนะซื้อสะสมหุ้นที่ทำโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะอุตสาหกรรหลัง กกพ.เปิดรับซื้อไฟฟ้า รวม 50 เมกะวัตต์ คาดรู้ผล ต.ค.นี้ ชู BWG-AKP-GENCO-SUPER-PSTC ด้านราคาทองคำมีแนวโน้มฟื้นตัวระยะสั้น โดยมีแนวรับ 1,300-1,295 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,335-1,340 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบเดือน ก.ย. หลังจากสหรัฐฯ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านในเดือน ส.ค.ที่ร่วงลง 5.8% สู่ระดับ 1.14 ล้านยูนิต มากกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัว 2.9% ในไตรมาส 3 อยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 3.0% ก่อนหน้านี้ รวมทั้งการทำ Window dressing ก่อนปิดสิ้นงวดไตรมาสที่ 3 อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องกังวลกับการที่นักลงทุนต่างชาติซื้อน้อยลง หลังจากสิ้นสุดการปรับดัชนี FTSE เมื่อวันที่ 16 ก.ย. รวมทั้งการปรับพอร์ตลดความเสี่ยง ก่อนทราบผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางญี่ปุ่น
ทั้งนี้ แนะนำจับตาผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น เกี่ยวกับนโยบายการเงิน และแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ (21 ก.ย.) ตลาดคาดว่า ที่ประชุมอาจจะมีมติเพิ่มวงเงิน QE และปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นติดลบมากขึ้น จากระดับปัจจุบันที่ -0.1% นอกจากนี้ ทางสหรัฐฯ จะมีการรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯ เดือนประจำเดือน ส.ค. และในวันที่ 23 ก.ย. สหรัฐฯ เยอรมนี และอียู เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต
ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดต่างจับตาผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่าจะเป็นไปตามที่คาดการณ์กันไว้หรือไม่ หากผลการประชุมไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาด โดยเฉพาะผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดจะทำให้เกิดความผันผวนในตลาดเงิน และตลาดทุนทั่วโลก ซึ่งจะมีนัยสำคัญต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายสัปดาห์ โดยมีประเด็นการทำ Window dressing ที่จะช่วยพยุงตลาด
ดังนั้น ประเมินว่า SET น่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,460-1,500 จุด โดยแนะนำลงทุนในหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ หุ้นที่ทำโรงไฟฟ้าจากจากพลังงานขยะอุตสาหกรรม ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขยะรวม 50 MW โดยจะประกาศผลภายในเดือน ต.ค.59 แนะจับตา BWG, AKP, GENCO, SUPER และ PSTC รวมถึง BANPU ซึ่งได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่ปรับขึ้นทำ High ในรอบ 19 เดือน ล่าสุด 71.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และการเตรียมนำบริษัทลูก บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงต้นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
โดยแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาได้เล็กน้อย หลังลงมาต่อเนื่องเกือบทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ จากกระแสการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้
ขณะที่ค่าเงินเยน ได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า BOJ จะไม่ผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาดูผลการประชุมเฟดในวันที่ 20-21 ก.ย. รวมถึงแถลงการณ์ของประธานเฟดหลังการประชุม ทั้งนี้ เพื่อประเมินทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้ง เพื่อใช้เป็นข้อมูลตัดสินใจการเข้าลงทุนในทองคำ
สำหรับแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค มองว่าราคาเริ่มฟื้นตัวระยะสั้น หลังลงมาต่อเนื่องใกล้จบแนวลง V-SHAPE บวกกับค่าสัญญาณทางเทคนิคเริ่มปรับขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสสร้างฐานแนวรับ DOUBLE BOTTOM และฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม แนวต้านขาลงเส้น 5 และ 10 วันที่ยังกดดันอยู่ จะสร้างแรงถ่วงให้ราคาปรับขึ้นได้ไม่มาก โดยมีแนวรับ 1,300-1,295 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,335-1,340 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์