เอเชีย กรีน เอนเนอจี แจ้งไตรมาส 3 โชว์ยอดขายถ่านหิน 0.66 ล้านตัน ส่งผลรายได้รวมแตะ 1,134.19 ล้านบาท ลดลง 6.8% ขณะที่กำไรสุทธิ 17.46 ล้านบาท สำหรับงวด 9 เดือนแรก กวาดยอดขายถ่านหิน 1.65 ล้านตันตามเป้า และจากการฟื้นตัวของราคาถ่านหิน จะทำให้ออเดอร์จากต่างประเทศทยอยเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 ด้านผู้บริหารเผยการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาถ่านหิน คาดเป็นสัญญาณเชิงบวกกับธุรกิจ หนุนปริมาณการขายถ่านหินเข้าเป้า เติบโตประมาณ 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้นำเข้า และจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2559 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 ว่า บริษัทมีรายได้ 1,134.19 ล้านบาท ลดลง 6.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,216.39 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 17.46 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 72.9 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2559 ของบริษัทมีรายได้รวม 3,134.30 ล้านบาท ลดลง 11.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัท มีรายได้รวม อยู่ที่ 3,557.78 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 60.71 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 107.44 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 73.27 ล้านบาท ถ้ามีการหักกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนออกจะทำให้เห็นว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยปรับตัวสูงขึ้น 87.46% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีปริมาณการจำหน่ายถ่านหินรวมอยู่ที่ระดับ 1.65 ล้านตัน จากทั้งปีที่คาดว่า จะมีปริมาณการจำหน่ายถ่านหินเติบโตที่ 10%
บริษัทยังคงมุ่งเน้นนโยบายบริหารต้นทุนการขนส่ง และคลังสินค้า รวมทั้งประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม
“ในช่วงไตรมาส 3/2559 ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจถ่านหินอีกครั้ง จากก่อนนี้ประสบปัญหาในเรื่องของปริมาณถ่านหินล้นตลาด ทำให้ราคาตกต่ำ และเชื่อว่าราคาถ่านหินได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว บริษัทจึงเดินหน้าทำการตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพราะถ่านหินยังคงมีความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง” นายพนม กล่าว
พร้อมกันนี้ บริษัทเชื่อว่า ปริมาณยอดขายถ่านหินของบริษัทในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ระดับ 2.2 ล้านตัน ซึ่งจะมีการสั่งออเดอร์จากประเทศจีน และเวียดนาม เพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ เพื่อนำไปใช้เพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้าที่เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว
บริษัทยังคงเน้นการดำเนินธุรกิจหลัก คือ การจำหน่ายถ่านหินสะอาด โดยจะมีการทำการตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น ควบคู่กับการขยายตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน และเวียดนาม และคาดว่าปลายปีนี้จะได้ข้อสรุปกับพันธมิตรในประเทศเวียดนาม เพื่อรุกทำการตลาดเพิ่มมากขึ้น