KTBST คาดภาวะ SET Index ยังมีโอกาสเดินหน้าต่อได้ แม้ปัจจัยภายนอกประเทศจะกดดัน โดยมีผลการเก็งงบฯ Q3 ที่ออกมาดี ขณะที่ต่างชาติยังอยู่ในฝั่งขาย ส่วนความกังวล ศก.ช่วงท้ายปีจะทรุดนั้น ก็ดูจะมาในทางที่เป็นบวกมากขึ้น หลังมติ ครม.สั่งปั๊มเม็ดเงินลงหมู่บ้าน ส่งผลให้กลุ่ม Domestic Play โดดเด่น
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ (26 ต.ค.) จะเดินหน้าไปต่อ กลุ่มเด่นๆ คงเป็น Domestic Play และหุ้นที่งบไตรมาส 3 ที่คาดจะออกมาดี ส่วนปัจจัยที่จะมีผลต่อตลาดในระหว่างวัน SCC จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/59 ซึ่ง KTBST คาดว่าจะมีกำไร 1.3 หมื่นล้านบาท ลดลง -18% QoQ แต่ เพิ่มขึ้น +46% YoY รวมทั้งรายงานตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย.ของไทย คาดว่าจะหดตัว -1.3% YoY ขณะที่เดือนก่อนหน้าขยายตัวสูงถึง +6.5% และค่าเงินบาท โดยมองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,490-1,510 จุด
ด้านตลาดต่างประเทศคืนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ปิดในแดนลบจากผลประกอบการของบริษัทที่กำลังรายงานออกมาผิดคาด หรือออกมาไม่ดี เฉพาะตลาดสหรัฐฯ ตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ต.ค. ออกมาต่ำกว่านักวิเคราะห์คาด เป็นลบต่อทั้งตลาดหุ้น และค่าดอลลาร์สหรัฐ แต่แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือน ธ.ค. ยังไม่เปลี่ยน
ขณะที่การลดกำลังการผลิตน้ำมันของผู้ผลิตน้ำมัน OPEC และ Non-OPEC ที่คุยกันนอกรอบมาตั้งแต่ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา จนถึงเมื่อวาน (25 ต.ค.) ภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่า โอกาสที่จะคุยกันรู้เรื่องมีน้อยลงไปทุกที ตามที่เราเคยแสดงความเห็นว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ผู้ผลิตเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมาต่อเนื่อง ดังนั้น เมื่อถึงวันที่ต้องมาคุยกันเรื่องลดกำลังการผลิต จึงยอมกันไม่ได้ และจะทำให้ในที่สุดผลที่ออกมา คือ Freeze หรือคงกำลังการผลิตเท่าที่ผลิตในปัจจุบัน แม้รัสเซียให้ข่าวในคืนที่ผ่านมาว่า มีแนวโน้มที่จะคงกำลังการผลิตมากกว่าที่จะลดกำลังการผลิตลง
จากข้อมูล ณ เวลานี้ หากผลประชุมผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 30 พ.ย. ออกมาว่า คงกำลังการผลิตไว้เท่าปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบ (WTI) ไม่น่าจะยืนเหนือ 50 เหรียญสหรัฐได้ และจะเป็นลบต่อผู้ผลิตน้ำมัน เพราะภาวะ oversupply ยังคงอยู่ ผลที่ได้จึงแค่กันไม่ให้ผู้ผลิตเพิ่มรายได้ด้วยการผลิตเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจัยในประเทศ วานนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนภูมิภาค คือ “โครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ” วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท เป็นมาตรการต่อเนื่องจากที่ออกไปเมื่อเดือน เม.ย.59 เป็นบวกต่อภาคธุรกิจในเขตภูมิภาค และกำลังซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น
ดังนั้น ตัวแปรบางตัวที่ตลาดเคยกังวลกัน ก็ดูจะมาในทางที่เป็นบวกมากขึ้น ซึ่งจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยในเดียวกับหลายวันที่ผ่านมา แต่เราประเมินนักลงทุนต่างประเทศน่าจะยังขายหุ้นต่อเนื่อง เพราะปรับพอร์ตตามทิศทางดอกเบี้ย และปัจจัยบวก โดยเฉพาะปัจจัยภายนอกมีน้อยลง
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ยังแนะให้เลือกเพียงหุ้นเด่นของบางกลุ่มที่พอจะไปต่อได้ที่มีปัจจัยบวกหนุน หุ้นได้ประโยชน์จากโครงการประชารัฐฯ หุ้นมีความเสี่ยงต่ำ และหุ้นที่คาดกำไรไตรมาส 3 จะออกมาดี หุ้นที่น่าสนใจในวันนี้ ได้แก่ CPALL GLOBAL SCC TK TAE TTCL BANPU และ TMT