xs
xsm
sm
md
lg

แนะจับตาแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศจะซื้อต่อเนื่องหรือไม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


KTBST คาดหุ้นไทยปรับขึ้นหลังผู้ผลิตน้ำมันจะลดการผลิต และจับตาแรงซื้อต่างชาติจะมีต่อเนื่องหรือไม่ พร้อมให้กรอบ 1,472-1,494 จุด ด้านภาะตลาดหุ้นเช้าดีดขึ้นกว่า 12 จุด โดยมีแรงซื้อเก็งในกลุ่มพลังงาน

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (29 ก.ย.) โดยคาดว่าจะได้อานิสงส์จากผลการประชุมผู้ผลิตน้ำมันที่จะทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น และภาวะเศรษฐกิจที่จะดีตามราคาน้ำมันที่จะยังคงอยู่ในระดับสูงไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯ วันนี้ มีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,472-1,494 จุด

ขณะที่ผลจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์ ในทำนองที่ว่าธนาคารของสหรัฐฯยังแข็งแรงดี และกำหนดการขึ้นดอกเบี้ยยังไม่ตายตัว จึงมีการตีความของตลาดไปในทางบวก ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น น่าจะเป็นสัญญาณบวกมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังคงดีอยู่

ส่วนการประชุมระหว่างตัวแทนกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอนโอเปก มีผลออกมาในทางที่เป็นบวกต่อตลาดหุ้นหลักๆในคืนที่ผ่านมา จนถึงตลาดเอเชียเช้านี้ด้วย ทั้งนี้ จากการที่กลุ่มโอเปก จะมีการคุมกำลังการผลิตไว้ที่ 32.5-33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือลดลงประมาณ 2-7 แสนบาร์เรลต่อวัน (โดยหลักน่าจะเป็นประเทศซาอุดิอาระเบีย 4-5 แสนบาร์เรลต่อวัน) และจะมีการให้ความร่วมมือกันในการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน ลดการแข่งขันด้านราคาลงไประดับหนึ่ง

ทั้งนี้ ประเมินราคาน้ำมันดิบ จะวิ่งเข้าไปใกล้ระดับ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มากขึ้น ผลเป็นบวกต่อราคาน้ำมันดิบจะไม่มากนัก เพราะการลดกำลังการผลิตของกลุ่มยังไม่ชัดเจนว่าจะพร้อมใจกันลดหรือลดในบางประเทศ และจะลดกำลังการผลิตไปนานขนาดไหน ซึ่งอาจต้องรอไปถึงการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 30 พ.ย. ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน บล.เคทีบีฯ ปรับจาก 40-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็น 45-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ส่วนปัจจัยในประเทศ การเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุนของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวประมาณ 3.2% จากที่ช่วงก่อนหน้านี้ เห็นว่าการทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ และการใส่เงินเข้ามาในระบบด้วยวิธีต่าง ๆ ที่เริ่มเห็นเป็นบวกบ้างแล้ว แต่ด้านการลงทุนหรือประมูลโครงการ น่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4 มากกว่า นอกจากนี้ นักลงทุนมีพลิกกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยในวันที่ผ่านมา

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ แม้ว่าตลาดอาจจะเป็นบวก แต่เชื่อว่ากรอบการเคลื่อนไหวจำกัด นอกจากนี้ นักลงทุนจะรอดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของนักลงทุนต่างประเทศว่าจะซื้อต่อเนื่องหรือไม่ หรือผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของบริษัทในตลาดที่กำลังเข้าสู่ช่วงของการทำ Preview จึงแนะนำเก็งกำไรช่วงสั้นกับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหุ้นขนาดใหญ่อื่นๆที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อมากในช่วงที่ผ่านมาแนะให้ลดการถือลงบ้างในหุ้นที่ไม่มีปัจจัยบวกหนุนราคาอยู่ และหุ้นที่เข้าลงทุนควรพิจารณาหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ (Defensive Stock) หุ้นที่น่าสนใจ PTTEP,CPN,SPALI,GLOBAL

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 11.01 น. ดัชนีปรับขึ้นไปที่ระดับ 1,491.95 เพิ่มขึ้น 12.37 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.84% มูลค่าการซื้อขาย 12,989.11 ล้านบาท

นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นกว่า 10 จุด เป็นการรีบาวด์ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า โดยรับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานเป็นหลัก ภายหลังจากที่ผลการหารือของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ข้อสรุปที่จะลดกำลังการผลิตลง และจะสรุปกันกับประเทศสมาชิกเกี่ยวกับโควตาของแต่ละประเทศจะเท่าใดในเดือนพ.ย.นี้ ด้วยปัจจัยดังกล่าวนี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น พร้อมให้แนวรับ 1,485 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น