KTBST มองหุ้นไทยผันผวนรอปัจจัยใหม่ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ทรงตัว และแรงซื้อที่ชะลอตัวลงเป็นปัจจัยถ่วงตลาดฯ แม้จะมีแรงซื้อกลับเข้ามา แต่พบว่าเป็นการเล่นเก็งกำไรสั้นๆ ลักษณะ Trading โดยให้กรอบ 1,480-1,503 จุด แนะลดพอร์ตในการลงทุน
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ (8 ก.ย.) ว่า มีโอกาสที่ดัชนีจะยังคงลักษณะของการผันผวน โดยยังมีโอกาสที่จะปิดลดลงจากวันก่อน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,480-1,503 จุด ซึ่งตัวแปรที่จะมีผลต่อตลาดในระหว่างวัน คือ ตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 2 ของญี่ปุ่น ที่ปรับจาก 0.2% เป็น 0.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงตัวเลขส่งออกของจีน และการคาดการณ์ผลประชุม ECB ที่ KTBST ประเมินว่า จะคงเงิน QE และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ แต่อาจขยายเวลาการซื้อ Bond ที่จะหมด มี.ค.ปีหน้าออกไป
ทั้งนี้ การที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่ได้ตอบสนองในทางบวกต่อรายงานภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ที่ออกมาดี และมีคาดการณ์ออกมาว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ มีโอกาสน้อยที่จะปรับขึ้นในการประชุม 20-21 ก.ย.นี้ จึงเป็นสัญญาณว่า นักลงทุนยังคงรอคอยการประชุม หรือรอปัจจัยบวกใหม่ๆ ที่จะเข้ามา
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ทรงตัว และราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น จากมุมมองในทางบวกต่อการประชุมของผู้ผลิตน้ำมันที่คาดจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มผลิตน้ำมัน-โรงกลั่นน้ำมัน และเศรษฐกิจประเทศที่มีสัดส่วนของสินค้าในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
ดังนั้น จึงมองว่าปัจจัยต่างประเทศวันนี้เป็นบวกเฉพาะส่วนของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่แรงซื้อที่เข้าในตลาดหุ้นที่ยังชะลอตัวลง จะเป็นตัวถ่วงตลาดหุ้น โดยปัจจัยในประเทศนั้น แม้จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาด แต่การที่ตลาดผันผวนสูงตลอดทั้งวัน และนักลงทุนเล่นสั้นๆ กันมากกว่า ทั้งนี้ เพราะตลาดขาดปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ มองว่าตลาดหุ้นยังขาดปัจจัยกระตุ้นที่ใหม่ๆ ต่อตลาด หลังจากผ่านช่วงการขึ้น XD ของหุ้นหลายๆ ตัวไปแล้ว นักลงทุนส่วนใหญ่เข้ามาเล่นเก็งกำไรช่วงสั้นๆ แบบ Trading ทำให้ดัชนีฯ ที่จะบวก และลบพอๆ กัน ยังแนะนำให้ลดพอร์ตหุ้นที่ขาดปัจจัยบวกสนับสนุน และกรอบเวลาการลงทุนยังควรเป็นเล่นสั้นๆ หุ้นที่มองว่าน่าสนใจในวันนี้ ได้แก่ DIF ROBINS CPF