xs
xsm
sm
md
lg

KTBST มองแรงซื้อสถาบันฯ และต่างชาติ ยังไม่แน่นอน อาจทำให้ตลาดไร้ทิศทาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


KTBST มองแนวโน้ม SET ยังมีลักษณะผันผวนไร้ทิศทาง ชี้แรงซื้อสถาบันฯ และต่างชาติ ยังไม่แน่นอน ส่วนประเด็นอื่น อาทิ กรณีค่าปรับ Deutsche Bank เป็นบวกเพียงชั่วคราว เพราะยังมีอีกหลายกรณีที่ธนาคารอาจถูกฟ้อง ส่วนข่าวที่ว่า BOJ-ECB กำลังพิจาราณาลด QE ลงนั้น กำลังถูกจับตา เพราะมีผลต่อกระแสเงินลงทุน และระดับดอกเบี้ยในตลาดโดยตรง

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (6 ต.ค.) มองกรอบดัชนีที่ 1,500-1,515 จุด เนื่องจากแรงซื้อของนักลงทุน 2 กลุ่ม ต่างชาติ และกองทุนฯ ยังเอาแน่นอนไม่ได้ เลยทำให้ตลาดดูไร้ทิศทาง ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ บวกนำอยู่ตลาดเดียว ตลาดอื่นๆ มีลบให้เห็น

สำหรับตัวช่วยให้ Dow Jones ออกมาดี มีทั้งตัวเลข ISM (service) สูงขึ้นจาก 51.4 จุด เป็น 57.1 จุด ในเดือนที่ผ่านมา คำสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานเพิ่ม 0.2% จากเดือนก่อนเช่นกัน ขณะที่ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน หรือ ADP ตัวเลขเพิ่มขึ้น 1.54 แสนตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าที่คาดไว้ ซึ่งผลจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีแบบนี้ ตอกย้ำว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวดี

โดยในทางตรงกันข้ามจะเป็นลบต่อราคาพันธบัตรกับทองคำ เพราะทำให้โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในการประชุมเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น (Fed Fund Rate Implied Probabilities เดือน พ.ย. ขึ้นจาก 21% เป็น 23.6% ในวันที่ผ่านมา)

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบได้ผลบวกจากตัวเลข Stock น้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายงานโดย EIA ว่า ลดลง 3.0 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ ผู้ผลิตน้ำมัน (OPEC กับ Non-OPEC) จะมีการประชุม (Informal Meeting) ในสัปดาห์หน้า เบื้องต้น คือ 12 ต.ค. คาดว่าจะเพื่อตัดสินใจโควต้าการผลิต ก่อนที่จะประชุมจริง 30 พ.ย.นี้

ทั้งนี้ KTBST มองว่า ผลประโยชน์ที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะได้จากการลดกำลังการผลิตจะมากกว่าที่จะผลิตเท่าเดิม แต่ได้ราคาที่ต่ำกว่ามาก โอกาสที่การประชุมครั้งนี้จะสำเร็จ จึงมีค่อนข้างสูงเป็นบวกต่อหุ้นผู้ผลิตน้ำมันโดยตรง รวมไปถึงผู้ผลิตปิโตรเคมี ที่จะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมัน และภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มดีขึ้นด้วย

ส่วนประเด็นอื่นอย่างกรณีค่าปรับ Deutsche Bank เป็นบวกเพียงชั่วคราว เพราะยังมีอีกหลายกรณีที่ธนาคารอาจถูกฟ้อง ส่วนข่าวที่ว่า ธนาคารบางแห่งอย่าง BOJ-ECB กำลังพิจาราณาลด QE ลงนั้น กำลังถูกจับตา เพราะมีผลต่อกระแสเงินลงทุน และระดับดอกเบี้ยในตลาดโดยตรง ทำให้การประชุม ECB 20 ต.ค.นี้ ตลาดจะให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ

ทั้งนี้ ปัจจัยของไทยเองภาพเศรษฐกิจยังดี รัฐบาลหนุนทั้งมาตรการใหม่ๆ และเร่งใช้จ่ายภาครัฐ แต่แรงซื้อของนักลงทุน 2 กลุ่ม ต่างชาติ+กองทุนฯ ยังเอาแน่นอนไม่ได้ เลยทำให้ตลาดดูไร้ทิศทาง การลงทุนในช่วงนี้ จึงต้องระมัดระวัง และในวันพรุ่งนี้ (7 ต.ค.) จะมีการรายงานตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ ด้วยซึ่งจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์ (10 ต.ค.)

ด้านกลยุทธ์การลงทุน จากการตลาดช่วงสั้นๆ ยังมีความผันผวนสูงจากการซื้อ-ขาย ของนักลงทุนกลุ่มใหญ่ คือ สถาบันฯ และนักลงทุนต่างประเทศที่ยังไม่แน่นอน ซึ่งในเชิงกลยุทธ์ยังแนะนำให้ลงทุนในกรอบเวลาสั้นๆ และควรพิจารณาจากหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือหุ้นที่มีการประเมินกำไรไตรมาสที่ 3/59 ประกอบกันไปด้วย หุ้นที่น่าสนใจวันนี้สำหรับการเก็งกำไรช่วงสั้น ได้แก่ PTTEP, BANPU, BDMS, LOXLEY, PSTC และ LPH


กำลังโหลดความคิดเห็น