xs
xsm
sm
md
lg

เผยมีเพียงหุ้นเด่นของบางกลุ่มที่พอจะไปต่อได้ และมีความเสี่ยงต่ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


KTBST มองหุ้นไทยวันนี้แกว่ง Sideway ในกรอบ 1,488-1,504 จุด เผยปัจจัยบวกเริ่มลดลง แนะระวังขายทำกำไร ชี้มีเพียงหุ้นเด่นของบางกลุ่มที่พอจะไปต่อได้ และมีความเสี่ยงต่ำ ขณะที่หุ้นขนาดเล็ก คาดจะกลับมาคึกคักอีกครั้งจากการเข้ามาเก็งงบฯ

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (25 ต.ค.) คาดมีโอกาสที่จะเดินหน้าต่ออีกเล็กน้อย การแกว่งตัวของดัชนีฯ จะเป็นในลักษณะ Sideway เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวก หรือลบที่เด่นชัดเข้ามาในตลาด เป็นผลให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรช่วงสั้นๆ

สำหรับตัวแปรที่จะมีผลต่อตลาดฯ ในระหว่างวัน จะเป็นทิศทางค่าเงินบาท โดยหากเงินบาทอ่อนค่ามากกว่าเงินเอเชียอื่นๆ จะเป็นลบต่อตลาดหุ้น ราคาน้ำมันดิบในตลาด และผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมองกรอบดัชนีวันนี้ที่ระดับ 1,488-1,504 จุด

ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในกรอบ Sideway เนื่องจากนักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อหุ้นลง หลังปัจจัยที่เคยเป็นบวกต่อตลาดหลายๆ ตัวเริ่มลดจำนวนลง การสูงขึ้นของตลาดหุ้นบางแห่งเป็นผลให้นักลงทุนเริ่มขายทำกำไรกัน

ตัวแปรสำคัญตัวหนึ่ง คือ เรื่องดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นดัชนี benchmark ของดอกเบี้ยของประเทศอื่นๆ ซึ่งในวันนี้นักลงทุนเริ่มรับรู้ และปรับพอร์ตรอรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ไปบ้างแล้ว นอกจากนี้ ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ามา จะทำให้นักลงทุนต่างรอดูผลการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากมีผลต่อนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในช่วงต่อไป โดยเฉพาะหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง

ส่วนผลกำไรไตรมาส 3 ที่กำลังมีการรายงานอยู่เป็นปัจจัยเฉพาะตลาด และยังส่งผลบวกมาถึงตลาดหุ้นอื่นๆ เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ขณะที่ในคืนที่ผ่านมา ตัวเลข PMI ของยุโรป เดือน ต.ค. เพิ่มจาก 52.6 เป็น 53.7 จุด ในเดือนนี้ บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจยุโรปขยายตัวดี

ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI อ่อนตัวลง หลังการหารือระหว่างผู้ผลิตน้ำมัน รวมถึงรัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ที่ผลการหารือออกมาเพียงแค่ผู้ผลิตน้ำมันจะให้ความร่วมมือกัน แต่ยังไม่สามารถกำหนดโควต้าผลิตน้ำมันของประเทศที่จะเข้าร่วมโครงการได้ ทำให้นักลงทุนต้องมารอดูกันต่อว่า ก่อนที่จะถึงวันประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กับผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่ม ในวันที่ 30 พ.ย. จะมีตัวเลขโควต้าผลิตออกมาหรือไม่ ช่วงสั้นๆ จะทำให้ราคาน้ำมันดิบทรงๆ ตัวแถว 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ความกังวลที่มีต่อบางปัจจัยกำลังลดระดับลง จึงดูเป็นบวกกับตลาดมากขึ้น นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการไปเมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) จะทำให้นักลงทุนที่รอซื้อหุ้นกลับเข้ามาซื้อหุ้นกันตามปกติด้วย

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ภาพรวมของตลาด แม้เราจะคาดทิศทางดัชนีฯ ว่าจะสูงขึ้น แต่ด้วยแรงซื้อที่ยังมีอยู่จำกัด จึงแนะให้เลือกเพียงหุ้นเด่นของบางกลุ่มที่พอจะไปต่อได้ที่มีปัจจัยบวกหนุน มีความเสี่ยงต่ำ ขณะที่หุ้นขนาดเล็ก คาดจะกลับมาคึกคักอีกครั้งจากการเข้ามาเก็งงบไตรมาส 3 หุ้นที่ที่แนะนำวันนี้ CPALL CENTEL ILINK TAE VNG SCI และ LOXLEY
กำลังโหลดความคิดเห็น