ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดช่วงเช้าวันที่ 19 ต.ค.59 ที่ 1,482.86 จุด เพิ่มขึ้น +5.32 จุด เปลี่ยนแปลง +0.36% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 29,907.89 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส คาดการณ์ดัชนีน่าจะยังเคลื่อนไหวผันผวน ไม่สามารถผ่าน 1,500 จุด เพราะนอกจากตลาดยังขาดปัจจัยหนุนระยะสั้นแล้ว ยังต้องระวัง Sell on Fact การรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/59 ของบริษัทจดทะเบียนฯ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่กดดันหลักจากต่างชาติที่ยังคงขายหุ้นไทยต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของทุกปี ต่างชาติมักจะขายสุทธิมากขึ้น จึงยังคงกลยุทธ์การลงทุนเดิม คือ ให้น้ำหนักการลงทุน 40% ของเงินลงทุน และยังเน้น Selective Buy หุ้นผันผวนต่ำ, P/E ต่ำ ปันผลสูงกว่า 4.75% และกลุ่มที่คาดผลตอบแทนในไตรมาส 4/59 จะสามารถ outperform ได้มากกว่าตลาด 3 หุ้นเด่น คือ BJC BIGC BDMS และ HANA
สอดคล้องกับฝ่ายวิจัย บล.ทิสโก้ แนะนำแค่เทรดดิ้งระยะสั้น โดยใช้กรอบ SET Index ที่ 1450-1520 ลงซื้อ-ขึ้นขาย และมีจุด Stop Loss เมื่อ SET Index ปิดต่ำกว่า 1,450 ส่วนพอร์ตลงทุน รอซื้อสะสมช่วง SET Index อ่อนตัว ต่ำกว่าระดับ 1,450 โดยมี 3 ปัจจัยที่น่าจะช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลง (Downside Risk) ในไตรมาสนี้ คือ
1) SET Index ในปัจจุบันที่ประมาณ 1,470 อยู่กลางๆ ไม่ถูก-ไม่แพง 2) คาดว่าจะมีเม็ดเงินจากกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งมักจะทยอยไหลเข้ามากที่สุดในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี ไม่น้อยกว่า 3 หมื่นล้าน และ 3) การทบทวนดัชนี MSCI รอบครึ่งปีในวันที่ 14 พ.ย.นี้ (มีผลบังคับใช้ 1 ธ.ค.) เบื้องต้น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อน้ำหนัก และจำนวนหุ้นไทยในการทบทวนรอบนี้ที่เบ็ดเสร็จแล้ว คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นไทยติด 1 ใน 10 อันดับแรกที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในปีนี้