บลจ.วรรณ เตือนหุ้นไทยผันผวนสูง คาดเป้าหมายดัชนีปีนี้มีโอกาสลุ้นถึง 1,600 จุด ส่งสัญญาณเม็ดเงินใหม่เข้าตลาด ระบุตลาดหุ้นเช้าที่ปรับตัวลดลง เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกลุ่มทิป เนื่องจากนักลงทุนโดยเฉพาะต่างชาติขายทำกำไร เพื่อปิดความเสี่ยงก่อนทราบผลการประชุมเฟด
นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ กล่าวว่า ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ (20 ก.ย.) เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ หรือ TIP เนื่องจากนักลงทุนโดยเฉพาะต่างชาติขายทำกำไรเพื่อปิดความเสี่ยง ก่อนทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ในวันที่ 20-21 กันยายน 2559 ซึ่งนักลงทุนคาดการณ์ทั้ง 2 ทาง คือ คงอัตราดอกเบี้ย หรือปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ จะมีการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น คาดว่าจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติม (QE)
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุน แต่จะมีความผันผวนสูง โดยเป้าหมายดัชนีในไตรมาส 4 ปี 2559 คาดว่าอยู่ที่ 1,500 จุด และอาจจะถึง 1,600 จุดได้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น จากการลงทุนภาครัฐ และภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวที่ร้อยละ 3.1-3.4
ส่วนแนวรับของดัชนีอยู่ที่1,413 จุด ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ และเป็นจุดที่ดัชนีเคยปรับตัวลดลงต่ำสุด และสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าในไตรมาส 4/59 ยังมีเม็ดเงินจากกองทุนหุ้นระยะยาว ( LTF ) อีกนับหมื่นล้านบาทที่จะเข้าลงทุน เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้น ทำให้แรงซื้อ LTF จะมากระจุกตัวในช่วงปลายปี โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าลงทุน คือ กลุ่มสินเชื่อเพื่อการบริโภค กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มขนส่ง และกลุ่มท่องเที่ยว
ด้านนายศักดา มาณวพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. อนุญาตให้มีการจะทะเบียนกองทุน LTF เพิ่มเติม ทำให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเสนอผลิตภัณฑ์กองทุน LTF ใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน หลังจากคณะรัฐมนตรีได้ต่ออายุสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีก 3 ปี และสามารถนำมาหักลดหย่อนได้ถึง 31 ธันวาคม 2562 ประกอบกับระดับดัชนีปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 1,450 จุด เป็นระดับที่เหมาะสมในการซื้อหุ้นระยะยาว
ดังนั้น บลจ.วรรณ จึงออกกองทุนเปิด “วรรณ แอนไท คอรัปชั่น 70 หุ้นระยะยาว” โดยเน้นลงทุนในหุ้นที่มีธรรมาธิบาล และฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นร้อยละ 70 และตราสารหนี้ร้อยละ 30 ขนาดกองทุน 1,000 ล้านบาท มูลค่าซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท คาดว่าจะเสนอขายครั้งแรกประมาณวันที่ 22-29 กันยายนนี้
