ประเมินสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยทำไมร่วงไม่หยุด แม้ปัจจัยพื้ฐานยังแข็งแกร่ง นักวิเคราะห์ ชี้เกิดจากหลายปัจจัยที่หนุนให้เกิดแรงเทขาย แนะจับตา SET Index มีโอกาสหลุด 1,400 จุด อาจเกิดการบังคับขายซ้ำเติมสถานการณ์ทรุดหนักขึ้นไปอีก โบรกฯ ยอมรับแรงขายส่วนหนึ่งมาจากผลการทำชอร์ตเซล และบางส่วนถูกฟอร์ซเซลจริง
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงมาต่อเนื่องจากความกังวลปัจจัยในประเทศ ทำให้บรรยากาศตลาดฯเป็นลบ โดยดัชนีหลุดระดับต่ำสุดเดิมที่ระดับ 1,410 จุด นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ โดยวันนี้ (12 ต.ค.) จะมีรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งขณะนี้มองว่า โอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.มีมากขึ้น
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยในประเทศ ความกังวลต่อเรื่องการสร้างสถานการณ์รุนแรง ที่ทางการเผยออกมาตามสื่อน่าจะลดลง แต่ปัจจัยรอบด้านมาในทางลบต่อตลาด และความกังวลต่อเงินทุนไหลออกของนักลงทุนต่างประเทศ ถ้าดัชนีฯ ปรับตัวลงมาก อาจมีความกังวลเรื่องการบังคับขายตามมา
ดังนั้น ปัจจัยลบที่ยังมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยบวก จึงควรชะลอการลงทุนลดการถือหุ้นที่อิงกับทิศทางตลาด หรือหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศถืออยู่ ยกเว้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงค่อนข้างแรง เป็นไปในทิศทางเดียวกับกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลงตามดาวโจนส์ที่ร่วงแรงเมื่อคืนที่ผ่านมา (11 ต.ค.) อันเป็นผลจากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ส่วนบ้านเราก็ยังมีความกังวลปัจจัยในประเทศมากขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนรายสถาบันขายหุ้นออกมา 2 วันที่ผ่านมา เป็นเงินร่วมหมื่นล้านบาท และเชื่อว่าแรงขายจะยังมีอยู่อีก
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นทีท่าที่ดัชนีฯ จะรีบาวนด์กลับขึ้นมาได้ ดังนั้น ตลาดฯ คงจะแกว่งตัวในแดนลบต่อไป
ขณะที่นักวิเคราะห์ที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ ระบุว่า การที่ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าปรับลงแรงนั้น นอกจากจะเป็นการขายจากความกัลวลปัจจัยในประเทศ ซ้ำด้วยปัจจัยลบจากต่างประเทศแล้ว อาจมีแรงขายส่วนหนึ่งมาจากผลการทำชอร์ตเซล และบางส่วนถูกฟอร์ซเซล ทำให้มีแรงขายออกมามากอย่างผิดปกติ ผลักดันมูลค่าการซื้อขายช่วงเช้าสูงถึงกว่า 4 หมื่นล้านบาท