ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกโรงเตือนผู้ถือหุ้น “เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส” ศึกษาข้อมูลก่อนสละสิทธิจองซื้อหุ้น “เจ เอ็ม ที พลัส” และใช้สิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น 14 ต.ค.นี้ หลังที่ปรึกษาการเงินเห็นไม่ควรอนุมัติ เหตุราคาหุ้นละ 10 บาท ไม่สมเหตุสมผล เพราะต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมของหุ้น JMT Plus ที่10.33-13.12 บาทต่อหุ้น
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขอให้ผู้ถือหุ้นของบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ศึกษาข้อมูลการสละสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัท เจ เอ็ม ที พลัส จำกัด (JMT Plus) 110 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท รวม 1,100 ล้านบาท ให้แก่บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART : ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ JMT 55.88%) ทำให้ JMT ถือหุ้นใน JMT Plus ลดลงจาก 99.99% เป็น 9.84% เข้าข่ายเป็นการทำรายการเกี่ยวโยงกัน ซึ่งปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เห็นว่าผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติการทำรายการ
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ถือหุ้นรักษาสิทธิของตนเอง โดยเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2559 เวลา 10.00 น. ณ อาคารเจมาร์ท บี กรุงเทพฯ ทั้งนี้ การเข้าทำรายการเกี่ยวโยงกันต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุม และมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย
ขณะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เห็นว่า ผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติรายการดังกล่าว เนื่องจากการสละสิทธิเพิ่มทุนในหุ้น JMT Plus ให้แก่ JMART ในราคาหุ้นละ 10 บาท ไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากราคาดังกล่าวต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมของหุ้น JMT Plus ที่ 10.33-13.12 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ เงื่อนไขการทำรายการไม่เหมาะสม เนื่องจากภายหลังการทำรายการ บริษัทยังคงต้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายกรณีที่ JMT Plus ผิดเงื่อนไขของสัญญากับบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ในต่างประเทศ รวมถึงการผิดนัดชำระเงินตามสัญญา แม้ว่า JMT จะลดสถานะเป็นเพียงผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ JMT Plus ก็ตาม
ด้านคณะกรรมการของบริษัทเห็นว่า การสละสิทธิเพิ่มทุนในหุ้น JMT Plus ให้กับ JMART จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น เนื่องจากบริษัทมีความต้องการใช้เงินทุนสูง รักษาอัตรา D/E Ratio ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบมีความเห็นเช่นเดียวกับคณะกรรมการบริษัท
โดยมีความเห็นเพิ่มเติมว่า JMT Plus ไม่สามารถกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้ เนื่องจากมีผลการดำเนินงานขาดทุน หากบริษัทเพิ่มทุน หรือให้เงินกู้ยืมเพิ่มเติมแก่ JMT Plus บริษัทจะมีความเสี่ยงที่อาจจะไม่ได้รับคืน หรือผลตอบแทนในระยะเวลาอันใกล้ และ JMT Plus ยังต้องอาศัย Synergy ของกลุ่ม JMART ในการเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ จึงเห็นว่า ควรอนุมัติรายการดังกล่าว
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขอให้ผู้ถือหุ้นของบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ศึกษาข้อมูลการสละสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัท เจ เอ็ม ที พลัส จำกัด (JMT Plus) 110 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท รวม 1,100 ล้านบาท ให้แก่บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART : ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ JMT 55.88%) ทำให้ JMT ถือหุ้นใน JMT Plus ลดลงจาก 99.99% เป็น 9.84% เข้าข่ายเป็นการทำรายการเกี่ยวโยงกัน ซึ่งปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เห็นว่าผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติการทำรายการ
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ถือหุ้นรักษาสิทธิของตนเอง โดยเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2559 เวลา 10.00 น. ณ อาคารเจมาร์ท บี กรุงเทพฯ ทั้งนี้ การเข้าทำรายการเกี่ยวโยงกันต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุม และมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย
ขณะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เห็นว่า ผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติรายการดังกล่าว เนื่องจากการสละสิทธิเพิ่มทุนในหุ้น JMT Plus ให้แก่ JMART ในราคาหุ้นละ 10 บาท ไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากราคาดังกล่าวต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมของหุ้น JMT Plus ที่ 10.33-13.12 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ เงื่อนไขการทำรายการไม่เหมาะสม เนื่องจากภายหลังการทำรายการ บริษัทยังคงต้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายกรณีที่ JMT Plus ผิดเงื่อนไขของสัญญากับบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ในต่างประเทศ รวมถึงการผิดนัดชำระเงินตามสัญญา แม้ว่า JMT จะลดสถานะเป็นเพียงผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ JMT Plus ก็ตาม
ด้านคณะกรรมการของบริษัทเห็นว่า การสละสิทธิเพิ่มทุนในหุ้น JMT Plus ให้กับ JMART จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น เนื่องจากบริษัทมีความต้องการใช้เงินทุนสูง รักษาอัตรา D/E Ratio ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบมีความเห็นเช่นเดียวกับคณะกรรมการบริษัท
โดยมีความเห็นเพิ่มเติมว่า JMT Plus ไม่สามารถกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้ เนื่องจากมีผลการดำเนินงานขาดทุน หากบริษัทเพิ่มทุน หรือให้เงินกู้ยืมเพิ่มเติมแก่ JMT Plus บริษัทจะมีความเสี่ยงที่อาจจะไม่ได้รับคืน หรือผลตอบแทนในระยะเวลาอันใกล้ และ JMT Plus ยังต้องอาศัย Synergy ของกลุ่ม JMART ในการเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ จึงเห็นว่า ควรอนุมัติรายการดังกล่าว