อานิสงส์เมกะโปรเจกต์ หนุนตลาดก่อสร้าง-วัสดุฯ กระเตื้อง

CCP ชี้อานิสงส์รัฐลงทุนโมกะโปรเจกต์หนุนงานก่อสร้างครึ่งปีหลังกระเตื้อง ขณะที่ครึ่งปีแรกตลาดชะลอตัวหนักจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ฉุดเอกชนชะลอลงทุน-รัฐลงทุนล่าช้า คาดปี 60 ภาวะตลาดไม่ต่างจากปีนี้ พร้อมปรับพอร์ตรายได้จากงานภาครัฐ 70% เอกชน 30%

นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรับเหมาก่อสร้าง-วัสดุก่อสร้างในช่วงครึ่งปีแรกมีการชะลอตัว เนื่องภาคเอกชนชะลอการลงทุนจากปัญหาการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับการก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลล่าช้ากว่าที่กำหนด ส่งผลให้ตลาดรับเหมาก่อสร้าง และตลาดวัสดุก่อสร้างชะลอตัวตาม

จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้บริษัทยังคงเน้นการรับงานจากภาครัฐเป็นหลัก ทั้งเมกะโปรเจกต์ และงานองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ อาทิ โครงการมอเตอร์เวย์ โครงการท่าเรือแหลมฉบัง และสนามบินอู่ตะเภา จากการขยายรับงานไปยังโครงการภาครัฐเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทเปลี่ยนแปลงไป โดยรายได้จากงานภาครัฐเพิ่มเป็น 70% จากเดิม 60% ส่วนรายได้จากงานก่อสร้างภาคเอกชนลดลงมาอยู่ที่ 30% จากเดิม 40%

นายอาทิตย์ กล่าวต่อว่า จากภาวะตลาดที่ชะลอตัว และโครงการเมกะโปรเจกต์ที่บริษัทได้รับงานมาใช้สินค้าล่าช้ากว่าที่คาด ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทส่งมอบสินค้าได้ต่ำกว่าแผนที่วางเอาไว้ อย่างไรก็ตาม หลังจากเริ่มเข้าไตรมาส 3/59 บริษัทมองเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น การส่งมอบสินค้าเริ่มกลับเข้าสู่แผนการดำเนินงานปกติ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับกลยุทธ์ศึกษาแนวทางลดต้นทุน ทั้งด้านกระบวนการผลิตวัตถุดิบ เพื่อให้สามารถเพิ่มอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และพยายามรักษาการเติบโตของรายได้ให้ใกล้เคียงปีก่อน

นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นการพัฒนาสินค้ากลุ่ม Precast อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่บริษัทจะขยายผลิตภัณฑ์ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่คนอื่นไม่สามารถทำได้ และมีความต้องการในตลาด โดยปัจจุบันก็มีการขยายผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มสินค้าแลนด์สเคป ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามีกำไรสูงประมาณ 20-30% อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ก็มีการจำหน่ายไปบ้างแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดีพอสมควร

รวมทั้งบริษัทก็อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในประเทศเมียนมา เพื่อทดลองการส่งสินค้าของบริษัท ออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 4/59.