บีซีพีจี พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 28 กันยายนนี้ มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับที่ดี ประกาศรุกขยายธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก ด้วยรูปแบบการเข้าไปพัฒนาโครงการเอง หรือเข้าซื้อ/ควบรวมกิจการ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งเพิ่มเป็น 1,000 MW ภายในปี 2563 ช่วยหนุนศักยภาพผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ผู้ผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรกในวันที่ 28 กันยายน 2559 โดยใช้ชื่อย่อหุ้น “BCPG” ในการซื้อขายในกระดานหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมั่นใจว่า จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี หลังก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 590 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้ (พาร์) 5 บาท ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของ BCP เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นเมื่อวันที่ 14-16 กันยายนที่ผ่านมา และบุคคลทั่วไป นักลงทุนสถาบัน รวมถึงผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 16, 19 และ 20 กันยายนที่ผ่านมา ในราคาหุ้นละ 10 บาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ไปลงทุนขยายธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งใน และต่างประเทศ โดย BCPG มีเป้าหมายขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ โรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวสู่เป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งเพิ่มเป็น 1,000 MW ภายในปี 2563
ส่วนแผนดำเนินงานนั้น BCPG มีศักยภาพพร้อมรุกขยายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการประมูล หรือยื่นขออนุญาตขายไฟฟ้า เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเองหรือเข้าซื้อ/ควบรวมกิจการในโครงการผลิตไฟฟ้าที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว หรือที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรืออยู่ระหว่างการพัฒนา โดยมุ่งเน้นการลงทุนแบบพอร์ตโฟลิโอมากกว่าการเข้าลงทุนในรูปแบบการซื้อสินทรัพย์ที่เป็นโรงไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า และช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของ BCPG ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน
“เรามีเป้าหมายลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศต่างๆ โดยไม่จำกัดเฉพาะประเทศในแถบเอเชียเหนือ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น แต่ยังศึกษาโอกาสเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในทวีปต่างๆ ซึ่งในการตัดสินใจแต่ละโครงการนั้น จะเลือกลงทุนโครงการโรงไฟฟ้า โดยพิจารณาจากประเภทเชื้อเพลิงที่เหมาะสมกับประเทศนั้นๆ ควบคู่กับการพิจารณาผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่าอีกด้วย” นายบัณฑิต กล่าว
ปัจจุบัน BCPG มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมประมาณ 324 MW โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมทั้งสิ้น 130 MW แบ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 118 MW และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 12 MW ที่คาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมประมาณ 194 MW แบ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมประมาณ 20 MW และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมประมาณ 174 MW
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า รัฐบาลในหลายประเทศได้เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานรองรับปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของ BCPG ในการขยายธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก เนื่องจากมีความพร้อมด้านเงินทุน ตลอดจนมีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการประกอบธุรกิจ จึงเชื่อมั่นว่าการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าของ BCPG จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต