“สตีฟ กรีน” ประธานกรรมการบริหารเชฟรอนเอเชียแปซิฟิกฯ ประกาศไม่ถอนการลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในไทย ยังเก็บไว้ในพอร์ตการลงทุนหลัก ย้ำปีนี้เชฟรอนและบริษัทร่วมทุนวางแผนลงทุนรวมกว่าแสนล้านบาทในอ่าวไทย ลั่นเป็นพันธมิตรที่ดีกับทุกรัฐบาล
นายสตีฟ กรีน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนเอเชียแปซิฟิก สำรวจและผลิต จำกัด เปิดเผยระหว่างเดินทางมายังสำนักงานเชฟรอนในประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ และได้ตอบคำถามเกี่ยวกับการลดจำนวนพนักงานและข่าวลือเกี่ยวกับการถอนการลงทุนในไทยว่า ขอยืนยันว่าโครงการหลักที่บริษัทฯ ดำเนินการอยู่ในอ่าวไทยจะยังคงเก็บไว้ในพอร์ตการลงทุนหลักของบริษัททั้งหมด ไม่มีการถอนการลงทุนจากประเทศไทยอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ การทำธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจะต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา และต้องมองระยะยาวแม้ว่าราคาน้ำมันจะต่ำหรือสูงก็ต้องดำเนินการต่อไปนี้ โดยในปี 2559 นี้ เชฟรอนและบริษัทผู้ร่วมทุนวางแผนที่จะลงทุนรวมกว่า 1 แสนล้านบาทกับโครงการต่างๆ ในอ่าวไทย นอกจากนั้น ทุกปีจะต้องมีการขุดเจาะเพิ่มต่อเนื่องราว 300-400 หลุม เพื่อรักษาระดับการผลิต โดยก๊าซธรรมชาติที่เชฟรอนผลิตได้ในประเทศไทยคิดเป็นประมาณ 50% ของการผลิตก๊าซธรรมชาติในประเทศ และคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยรวม
“เชฟรอนมุ่งมั่นเป็นพันธมิตรที่ดีกับทุกรัฐบาลที่เราทำงานด้วย และเป้าหมายของเราก็คือการดำเนินงานอย่างมืออาชีพ เป็นที่เชื่อถือได้ และมีอิสระในการปฏิบัติการ จึงไม่เกี่ยวว่าในขณะนั้นรัฐบาลไหนเป็นผู้ดำเนินการ และนี่ถือเป็นกลยุทธ์หลักที่ทำให้เราสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศ” นายสตีฟกล่าว
ทั้งนี้ เชฟรอนได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 53 ปี ในการจัดหาพลังงานให้แก่ประเทศด้วยความปลอดภัย เชื่อถือได้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองต่อความต้องการพลังงานในประเทศ ปัจจุบัน เชฟรอนประเทศไทยมีพนักงานราว 1,600 คน และกว่า 94% เป็นคนไทย รวมถึงมีพนักงานผู้รับเหมากว่า 1,300 คน ซึ่งเมื่อราคาน้ำมันต่ำลงอย่างต่อเนื่อง บริษัทในอุตสาหกรรมนี้อย่างเชฟรอนเองต่างจำเป็นต้องหันกลับมามองว่างานแบบไหนที่ยังควรจะดำเนินต่อไป ในขณะที่งานที่ต้องทำมีน้อยลง จึงจำเป็นต้องพิจารณาการจ้างงาน ความจำเป็นของงานที่ต้องการ และจำนวนพนักงานที่เหมาะสมที่จะดำเนินงาน และปรับทุกอย่างให้สมดุลกัน
นายสตีฟเคยดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายนโยบายด้านรัฐกิจและกิจการสัมพันธ์ของเชฟรอน คอร์ปอเรชั่น ก่อนจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการบริหารของเชฟรอนเอเชียแปซิฟิกสำรวจและผลิตเมื่อเดือนเมษายน 2559 นี้ ก่อนหน้าที่จะร่วมงานกับเชฟรอน เขาทำงานกับยูโนแคล และเมื่อยูโนแคลควบรวมกิจการกับเชฟรอน นายสตีฟจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ เชฟรอนเอเชียเซาท์ ซึ่งตอนนั้นเขาทำหน้าที่ดูแลธุรกิจในพม่า ไทย เวียดนาม บังกลาเทศ กัมพูชา และจีน โดยอยู่ที่สำนักงานในประเทศไทย
นายสตีฟ กรีน กล่าวถึงความสำคัญของอาเซียน รวมถึงประเทศไทยและเมียนมาร์ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่สำคัญของธุรกิจของเชฟรอน ตลอดมาและต่อไปในอนาคตว่า “เมื่อเชฟรอนพิจารณาธุรกิจทั่วโลก เราพบว่าโอกาสในการเติบโตในของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ยังมีอีกมาก” และเขาทิ้งท้ายเกี่ยวกับการเดินทางมาประเทศไทยในครั้งนี้ไว้ว่า “ผมเดินทางบ่อย แต่ผมรักประเทศไทย ผมเคยอยู่ที่นี่มาประมาณ 4 ปีครึ่ง และลูกชายของผมสองคนก็จบจากโรงเรียนมัธยมในประเทศไทย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันเชฟรอนฯ มีแหล่งการผลิตก๊าซฯ ที่สำคัญคือแหล่งเอราวัณที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานในปี 2565 ซึ่งแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณนับเป็นแหล่งใหญ่ในอ่าวไทยที่ทุกฝ่ายกำลังจับตามองหลังจากที่รัฐบาลไทยได้ประกาศจุดยืนในการนำมาเปิดประมูลแข่งขันเพื่อการผลิตต่อเนื่องโดยคาดว่าจะเปิดให้เอกชนยื่นประมูลในช่วงต้นปี 2560