xs
xsm
sm
md
lg

กรุ๊ปลีส ยิ้มร่า เหตุ Brexit ดันธุรกิจพุ่ง จ่อเล็ง M&A

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. กรุ๊ปลีส หรือ GL
บมจ.กรุ๊ปลีส เผยผลโหวต Brexit เป็นผลดีกับธุรกิจ หลังบริษัทฯ มีสถานะการเงินที่ดีขึ้น ลดหนี้สินต่อทุนต่ำ และจะได้เงินทุนใหม่จากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ ชี้เป็นจังหวะที่ดีในการเทกโอเวอร์กิจการในราคาต่ำ พร้อมมองโอกาสเข้าลงทุนในอินโดนีเซีย เวียดนาม และศรีลังกา ด้าน J Trust Asia ยังถือหุ้นทั้งหมด 6.43% ไม่ได้ขายหุ้นออกไป พร้อมร่วมกันขยายธุรกิจในอินโดนีเซีย และอาเซียน ขณะที่ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติออกวอร์แรนต์ GL-W4 และหุ้นกู้แปลงสภาพอีกไม่เกิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้แก่ J Trust Asia เพื่อนำเงินทุนมาใช้ขยายกิจการต่อเนื่อง

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรุ๊ปลีส หรือ GL เปิดเผยว่า จากที่ประเทศอังกฤษได้ลงประชามติ Brexit ให้แยกตัวออกจากการเป็นประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรปนั้น มีความมั่นใจว่า จะเป็นผลดีต่อการขยายธุรกิจของ GL เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทฯ มีสถานะการเงินที่ดีขึ้น โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.5 เท่า ประกอบกับในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2559 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวนไม่เกิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้แก่ J Trust Asia Pte. Ltd (JTA) จึงทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมด้านเงินทุนที่จะนำมาใช้ขยายกิจการในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤตในทุกสถานการณ์ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีโอกาสเข้าควบรวมกิจการ (M&A) ได้ในราคาที่ต่ำ เพื่อเดินหน้าขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างรวดเร็ว โดยบริษัทฯ มีความมั่นใจว่า ภายใต้การดำเนินธุรกิจด้วยแพลตฟอร์มดิจิตอลไฟแนนซ์นั้น จะสามารถนำไปใช้ขยายธุรกิจได้กับทุกประเทศ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา GL ได้รับข้อเสนอให้เข้าควบรวมกิจการจากผู้ประกอบการธุรกิจด้านการเงินในอาเซียนหลายราย แต่ยังไม่มีข้อสรุปเนื่องจากราคาค่อนข้างสูง

“มองว่าผลจากการลงประชามติ Brexit จะทำให้บริษัทฯ มีโอกาสที่ดีอีกมากมายในการเข้าควบรวมกิจการ โดยเรามองไปที่ประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม และศรีลังกา ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยความปั่นป่วนในตลาดเงิน และตลาดทุนอันเป็นผลสืบเนื่องจาก Brexit จะทำให้เป้าหมายในการเทกโอเวอร์ของเราราคาถูกลง”
 
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ J Trust Asia Pte. Ltd (JTA) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ GL ตามที่ปรากฏใน www.set .or.th นั้น หลังจากใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของบริษัทฯ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทาง JTA ยืนยืนว่า ไม่มีการขายหุ้นออกไป และพร้อมร่วมมือกับ GL ขยายธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย และภูมิภาคอาเซียน ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ โดยปัจจุบันยังคงถือหุ้นใน GL 6.43% หรือคิดเป็นจำนวน 98.1 ล้านหุ้น อย่างไรก็ตาม กรณีที่ www.set.or.th ได้ปรากฏรายชื่อ JTA เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทฯ ที่ 4.82% หรือคิดเป็นจำนวน 73.575 ล้านหุ้นนั้น เกิดจากมีการถือหุ้นบางส่วนผ่านทาง Custodian จึงส่งผลให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ซึ่งทาง GL ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ แล้ว

ทั้งนี้ จากการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2559 ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (GL-W4) จำนวน 170 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 9 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ กำหนดเงื่อนไขการแปลงสภาพ 1 วอร์แรนต์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคาแปลงสภาพ 40 บาท ภายในระยะเวลา 2 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งหากผู้ถือหุ้นใช้สิทธิแปลงสภาพที่ราคา 40 บาทต่อหน่วย ภายในกำหนด 2 ปี จะส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับเงินทุนก้อนใหม่จำนวนมากเพื่อนำมาใช้ขยายธุรกิจในประเทศไทย และดำเนินธุรกิจดิจิตอลไฟแนนซ์ใน สปป.ลาว รวมถึงภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิรุ่นที่ 8 (GL-W4) ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 และกำหนดวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการได้รับการจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวในวันที่ 6 กรกฎาคม 2559

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังมีมติอนุมัติการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวนไม่เกิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้แก่กลุ่มพันธมิตรญี่ปุ่น JTA โดยกำหนดราคาแปลงสภาพ 1 หุ้นกู้ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคา 40 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 5% ซึ่งหากผู้ถือหุ้นและกลุ่ม J Trust Asia ใช้สิทธิแปลงสภาพทั้งหมด จะส่งผลให้ GL มีแหล่งเงินทุนใหม่เพิ่มขึ้นในทันที เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจในกัมพูชา ให้มีพอร์ตสินเชื่อที่หลากหลาย และปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่ม SMEs ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่จัดจำหน่ายสินค้าประเภทต่างๆ ให้แก่ลูกค้าที่ GL เป็นผู้ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ

พร้อมกันนี้ ในที่ประชุมได้มีมติอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทฯ เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ และสิทธิแปลงสภาพของหุ้นกู้แปลงสภาพ โดยการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 285.05 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท แบ่งเป็นการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 170 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้ใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 115.05 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพของหุ้นแปลงสภาพ
กำลังโหลดความคิดเห็น