“บีแลนด์” เพิ่มน้ำหนักลงทุนโครงการค้าปลีกขนาดใหญ่ หวังเป็นตัวเร่งสร้างรายได้ค่าเช่า หลังประสบความสำเร็จอย่างมากจากโครงการนำร่อง “บีไฮฟ ไลฟ์สไตล์มอลล์” เพียงแค่ 2 ปี ยอดคนเดินหมุนเวียน 1.4 ล้านคนต่อปี ปี 2560 เตรียมเปิดสำนักงาน และโรงแรม
น.ส.กุลวดี จินตวร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ “BLAND” กล่าวว่า บางกอกแลนด์ ในฐานะผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ไม่ได้เน้นการพัฒนาโครงการเพื่อผู้อยู่อาศัยเพียงเท่านั้น แต่ยังคงคำนึงถึงการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ผู้พักอาศัยที่อยู่อาศัยในเมืองทองธานี และบริเวณโดยรอบเมืองทองธานี โดยนโยบายที่ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันหลังช่วงแรกเน้นการขายโครงการที่อยู่อาศัยไปแล้ว จะให้น้ำหนักสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า เพื่อรองรับแผนเพิ่มรายได้จากค่าเช่า และบริการ โดยเน้นพัฒนาภายในพื้นที่โครงการเมืองทองธานี ที่ปัจจุบันยังคงเหลือที่ดินรองรับถึง 700 ไร่ จากที่พัฒนาไปแล้ว 2,300 ไร่
ทั้งนี้ โครงการประเภทอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า จะเป็นรูปแบบที่รองรับพฤติกรรม (ไลฟ์สไตล์) ผู้อยู่อาศัยในเมืองทองธานี ที่มีอยู่ราว 1.8 แสนคน รวมถึงผู้ที่มาใช้บริการในศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งแต่ละปีจะมีงานจัดหมุนเวียน 800-1,000 งาน และมีจำนวนคนเข้ามาชมงานราว 10 ล้านคนต่อปี
“เมืองทองธานี ถูกพัฒนามาแล้ว 20 ปี โดยจะว่าไปแล้ว เฟสแรกของการเกิดโครงการจะเน้นที่อยู่อาศัยเพื่อขาย เฟสที่ 2 การเกิดศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค และเฟสที่ 3 ที่จะเข้ามาเติมเต็มเมืองทองธานี จะเป็นด้านของสิ่งอำนวยความสะดวก การพักผ่อน และความบังเทิง เป็นตามนโยบายของท่านประธาน นายอนันต์ กาญจนพาสน์ จะคงปักหลักการพัฒนาโครงการในเมืองทองธานี แม้ว่าจะมีที่ดินมีศักยภาพหลายแปลง โดยเฉพาะที่ดินถนนเพชรบุรี ใกล้สถานีแอร์พอร์ตลิงก์ มักกะสัน”
“เราศึกษาโครงการที่จะพัฒนาโครงการค้าปลีกขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นการสร้างสปริงบอร์ดรายได้ค่าเช่า แนวการศึกษาจะสำรวจตลาดเกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภคในโครงการเมืองทองธานี ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยหลากหลายกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย อีกทั้งคู่แข่งค้าปลีกรายใหญ่ในย่านนี้ เช่น ห้างเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต จึงต้องศึกษาอย่างละเอียด เพื่อพัฒนาโครงการที่สร้างความต่างจากคู่แข่ง ถึงแม้จะมีความพร้อมทางด้านเงินทุนก็ตาม โดยรูปแบบค้าปลีกที่เราทำอยู่ และประสบความอย่างสูง แม้จะทำได้เพียง 2 ปี คือ โครงการ “บีไฮฟ ไลฟ์สไตล์มอลล์” เป็นคอมมูนิตีมอลล์ขนาดเล็ก มีร้านค้าเช่า 97 ยูนิต ได้ลงทุนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ด้วยงบประมาณ 800 ล้านบาท จนถึงปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปีแรกเฉลี่ยวันละ 3,000 คน เป็น 4,000 คนในปีนี้ หรือประมาณ 1.4 ล้านคนต่อปี”
น.ส.กุลวดี กล่าวถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายว่า ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว มีสินค้า (ซัปพลาย) อยู่ในตลาดจำนวนมาก ซึ่งการหันมามุ่งตลาดเช่าจะเสริมสร้างรายได้ให้บริษัทในอนาคต ด้วยศักยภาพทำเลที่ตั้ง วางเป้าหมายให้โครงการเมืองทองธานี เป็นจุดเชื่อมสำคัญกับกรุงเทพฯ ดังนั้น โครงการเกิดขึ้นต่อไปจะต้องสอดคล้องกับเป้าหมาย เช่น ค้าปลีก โครงการมารีน่าคอมเพล็กซ์ เป็นท่าจอดเรือยอร์ช วอเตอร์ธีมพาร์ค สวนน้ำขนาดใหญ่ บริเวณริมทะเลสาป”
สำหรับโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนามาตั้งแต่ปีที่แล้ว จะทยอยเปิดให้บริการในปี 2560 ประกอบด้วย อาคารสำนักงานคอสโม ออฟฟิศ ปาร์ค บายเมืองทอง เป็นสำนักงานให้เช่า ซึ่งเดิมเป็นทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) ที่เคยเป็นทรัพย์สินของบริษัท แต่ได้ตีโอนทรัพย์ชำระหนี้ และค้างอยู่ในสถาบันการเงิน ได้ซื้อแล้วนำมาปรับปรุงใหม่ให้เทียบเท่าอาคารสำนักงานเกรด A ในเมือง แต่ราคาค่าเช่าระดับอาคารสำนักงานรอบนอกเมือง โดยราคาค่าเช่าต่อ ตร.ม.ประมาณ 400-500 บาท รวมใช้เงินลงทุน 1,000 ล้านบาท มีพื้นที่ทั้งหมด 66,000 ตร.ม., โครงการโรงแรมไอบิส แบงคอก อิมแพค โรงแรม 3 ดาว จำนวนห้องพัก 600 ห้อง ใช้เงินลงทุน 1,000 ล้านบาท ทั้งสำนักงาน และโรงแรม จะเปิดบริการเดือน มี.ค.ปีหน้า และโครงการที่จอดรถ 2,500 คัน ด้านล้างจะเป็นส่วนของตลาดนัด (คอสโม พลาซ่า) พื้นที่ 7,000 ตร.ม. รองรับพนักงานในส่วนอาคารสำนักงาน.