แพร่ - เรียงหน้าแฉกันไม่หยุด ผู้ใหญ่บ้าน “วังชิ้น เมืองแพร่” ยืนยันจ่ายกันจริงๆ หัวคิว 2% งบตำบลละ 5 ล้าน-บ้านละ 2 แสน บางหมู่บ้านหอบเงินไปจ่ายกับมือบนบ้านกำนัน บอก “มีทุกโครงการ แต่เรื่องแดงแค่โครงการนี้” เชื่อเกิดทุกพื้นที่ทั้งจังหวัดฯ หึ่งคนโตชมรมกำนันฯ บีบผู้ใหญ่บ้านหยุดพูด คาดกลัวลามถึงตัว
วันนี้ (8 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตงบตำบลละ 5 ล้าน/หมู่บ้านละ 2 แสน ที่ชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อ.วังชิ้น จ.แพร่ ออกมาเปิดโปงว่ามีการเรียกเก็บหัวคิวทุกหมู่บ้านในอัตราร้อยละ 2 ก่อนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ จะมีคำสั่งย้ายนายชูชาติ คำมา ปลัดอาวุโสอำเภอวังชิ้น พ้นพื้นที่เมื่อ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
ล่าสุดนายสุรินทร์ แสงแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.แม่ป้าก อ.วังชิ้น จ.แพร่ และนายสมบัติ เรืองน้อง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.แม่ป้าก อ.วังชิ้น จ.แพร่ ได้นำสื่อมวลชนเข้าดูโครงการตามมาตรฐานความเป็นอยู่ระดับตำบล ตามแนวประชารัฐตำบลละ 5 ล้าน และโครงการหมู่บ้านละ 2 แสนบาท
โดยในหมู่ที่ 9 ใช้งบประมาณจำนวน 500,000 บาท เพื่อนำไปเปลี่ยนท่อประปาภูเขาระยะทาง 1,500 เมตรตามแผนของชุมชน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะนี้การวางท่อเสร็จเรียบร้อย ส่วนโครงการหมู่บ้านละ 200,000 บาทได้ดำเนินการสองกิจกรรม คือ ต่อยอดประปาภูเขาตามโครงการเดิมอีก 400 เมตร เป็นเงิน 100,000 บาท ต่อเติมศาลากลางหมู่บ้านอีก 100,000 บาท
ส่วนที่หมู่ที่ 5 ได้งบตำบลละ 5 ล้าน จำนวน 500,000 บาทสร้างถังพักน้ำประปาภูเขา และถังกรองน้ำขยายการบริการน้ำมากขึ้น เริ่มดำเนินการในเดือนมิถุนายน สิ้นสุดโครงการ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ในส่วนโครงการละ 200,000 บาท ได้นำไปทำศาลาอเนกประสงค์ และปิดโครงการไปแล้ว
นายสุรินทร์ แสงแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.แม่ป้าก กล่าวว่า โครงการที่รัฐบาลอนุมัติให้ ถือเป็นโครงการที่ดีมากเพราะเม็ดเงินลงถึงประชาชน และทำตามที่ประชาชนต้องการโดยตรง ใช้การจ้างงานในชุมชน มีชาวบ้านที่ว่างงานได้ทำ แต่ข้อเสียคือ โครงการเหล่านี้ต้องจ่ายใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่ในอัตราร้อยละ 2
“ผมทราบดีว่าเงินที่ได้มาแทบไม่พอกับการทำงาน แต่เมื่อหัวหน้าขอก็จำเป็นต้องให้ ซึ่งในหมู่ 5 และหมู่อื่นๆ ก็เหมือนกัน ตอนนี้คิดว่าไม่เพียงอำเภอวังชิ้นเท่านั้น แต่น่าจะมีการเรียกเก็บในทุกอำเภอของจังหวัดแพร่”
นายสมบัติ เรืองน้อง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.แม่ป้าก กล่าวว่า อยากให้งบประมาณแบบนี้ตกมาอีก เพราะเป็นไปตามความต้องการของประชาชน แต่มีข้อเสียที่มีการเรียกเก็บเงินทำให้ปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งผู้ใหญ่บ้านต้องอยู่ในสายตาของลูกบ้าน ถ้างบประมาณถูกดึงไปปัญหาก็จะตกอยู่กับผู้ใหญ่บ้านทันที ดังนั้นอยากให้รัฐบาลสร้างระบบดูแลแบบประชารัฐ คือ การมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง ไม่ใช่ให้ปลัดอำเภอมาดูแล และในที่สุดก็กินเปอร์เซ็นต์
“ในอดีตหัวคิวเกิดขึ้นทุกโครงการ มีแต่โครงการนี้ที่มีการเปิดเผย ซึ่งผู้ใหญ่บ้านที่ออกมาเปิดเผยอยู่ภายใต้การสนับสนุนของชุมชน ทำให้ต้องนำข้อเท็จจริงมาเปิดเพื่อนำไปสู่การแก้ไข”
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าการสอบสวนทุจริตกินหัวคิวงบตำบลละ 5 ล้าน/หมู่บ้านละ 2 แสน อ.วังชิ้น ยังคงเต็มไปด้วยปัญหา ล่าสุดมีกระแสข่าวแพร่กลุ่มอิทธิพลยังใช้อำนาจห้ามผู้ใหญ่บ้านให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชน และคณะกรรมการฯ ในขั้นตอนการสอบสวนหาข้อเท็จจริง กลุ่มกำนันบางรายกำลังวิ่งเต้นเพื่อให้ปัญหาดังกล่าวยุติลง
ผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่งต้องการเปิดเผยข้อมูลให้กับสื่อมวลชนเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาการทุจริตครั้งนี้ในโครงการขุดลอกลำเหมืองพัฒนาคลองส่งน้ำในวงเงิน 1.8 แสนบาท และโครงการทำโรงปุ๋ยชีวภาพแบบอัดเม็ดจำนวนเงิน 375,000 บาท ทั้งสองโครงการมีการเรียกเก็บเงินร้อยละ 2 ด้วยเช่นกัน มีการจ่ายเงินให้กับปลัดอำเภอฯ ไปแล้ว โดยนำเงินไปมอบให้ที่บ้านของกำนัน ส.เสือ
ผู้ใหญ่บ้านรายนี้บอกว่า โครงการทำยากมาก เพราะปัญหาเอกสารที่ต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบ และการประสานงานกับทางอำเภอฯ ไม่ดีทำให้เอกสารหาย ต้องทำใหม่หลายครั้ง บางทีทางอำเภอทำหาย ผู้ใหญ่บ้านก็ต้องทำเอกสารเท็จขึ้นมาใหม่
แหล่งข่าวในอำเภอวังชิ้นกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีกลุ่มคนในชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน บางคนเข้าไปสั่งผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านห้ามเปิดเผยข้อมูลต่อสื่อมวลชนโดยเด็ดขาด เพราะอาจมีผลกระทบให้การสอบสวนบานปลายไปอีก ซึ่งเชื่อว่าคนเหล่านี้ได้รับผลประโยชน์ และบางรายเก็บเงินแล้วยังไม่จ่ายให้คนข้างบน จึงเกรงว่าปัญหาทุจริตจะลุกลามมาถึงตัว
