ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากเหล่าธนาคารกลางประเทศขนาดใหญ่ หลัง BOJ ส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม แถมไม่ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่า คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 30-40 เหรียญ/ออนซ์ เพื่อรอดูท่าที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส ประเมินทิศทางราคาทองคำว่า ภาพรวมในช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ โดยมีทั้งการขยับขึ้นหลังได้รับแรงหนุนจากผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ออกมาส่งเสริมการกระตุ้นนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งมีโอกาสมากยิ่งขึ้นว่าการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือช่วงปลายเดือนนี้ BOJ อาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และมาตรการที่ออกเพิ่มเติมอาจจะไม่ส่งผลให้สกุลเงินเยนมีการอ่อนค่า ซึ่งกระแสการคาดการณ์ดังกล่าวส่งผลเชิงบวกต่อทิศทางราคาทองคำ
ทั้งนี้ เพราะธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะประสบต่อความยากลำบากยิ่งขึ้นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่สกุลเงินเยนแข็งค่าขึ้น ยังเป็นอีกปัจจัยตัวหนึ่งที่กดดันให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีการอ่อนค่าลง นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการประชุมของธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ที่มีการส่งสัญญาณจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มติมในการประชุมครั้งถัดไป
แต่อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำเริ่มมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาเช่นกัน เมื่อทิศทางตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ โดยเฉพาะทิศทางตัวแรงในฝั่งแรงงาน อัตราค่าจ้าง หรือจำนวนผู้หางานใหม่ยังคงมีทิศทางสดใส ปัจจัยดังกล่าวยังคงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนกังวลว่า เฟด อาจจะใช้เป็นข้ออ้างในการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาที่เร็วขึ้น
โดยปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาอยู่ที่เศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ รวมถึงกระแสการคาดการณ์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในฝั่งสหรัฐฯ รวมถึงแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจในฝั่งจีน นอกจากนี้ นักลงทุนอาจจะต้องไปจับตาดูว่าธนาคารกลางอังกฤษจะมีการส่งสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมหรือไม่ หากมีแนวโน้มที่จะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงิน หรืออัตราดอกเบี้ยลงอีก ปัจจัยดังกล่าวอาจจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลในเชิงทิศทางบวกต่อราคาทองคำ
ดังนั้น กลยุทธ์ จากราคาทองคำที่มีการขยับขึ้นมาค่อนข้างมากจึงมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา โดยแนวโน้มของราคาทองคำเป็นลักษณะแกว่งตัวอยู่ในกรอบราว 30-40 เหรียญ/ออนซ์ ดังนั้น นักลงทุนจะต้องจับตาในส่วนของกรอบด้านบนและด้านล่าง เพื่อทำการซื้อและขายในกรอบเพื่อเก็งกำไรจากการแกว่งตัวไปก่อน
โดยประเมินในส่วนของแนวรับบริเวณ 1,317-1,305 เหรียญ/ออนซ์ หากราคาอ่อนตัวลงมาไม่หลุดราคาดังกล่าวแนะนำให้เข้าซื้อเพื่อหวังเก็งกำไรจากการดีดตัว ขณะที่หากทองคำมีการดีดตัวขึ้นอาจจะทยอยทองคำแบ่งออกขายในแนวต้านระดับ 1,358 เหรียญ/ออนซ์ หากผ่านได้อาจชะลอการขายไปที่แนวต้านถัดไประดับ 1,375 เหรียญ/ออนซ์ นอกจากนี้ นักลงทุนอาจจะพิจารณาค่าเงินบาทเพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน เพราะค่าเงินบาทที่มีทิศทางผ่อนค่าจากช่วงก่อนหน้าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กลับเข้ามาเป็นปัจจัยหนุน และพยุงราคาทองคำภายในประเทศไว้