xs
xsm
sm
md
lg

ตราสารหนี้ของไทยยังมีการให้ผลตอบแทนสูงกว่าในหลายประเทศทั่วโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“คลัง” มั่นใจ “ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ ฟันด์” ดึงดูด นลท.ทั้งไทย และต่างชาติแห่เข้าลงทุน ขณะที่ รบ.สนับสนุนการออกผลิตภัณฑ์หุ้นกู้ของภาคเอกชน เพื่อระดมทุนในตลาดมากขึ้น เผยตราสารหนี้ของไทยให้ผลตอบแทนสูงกว่าในหลายประเทศทั่วโลก เนื่องจากปัจจุบัน อัตรา ดบ.ผลตอบแทนของหลายประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มลดง จึงทำให้กระแสเงินทุนไหลไปหาแหล่งที่ให้ผลตอบแทนสูงในประเทศต่างๆ พร้อมเตือนความเสี่ยงตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับจัดอันดับความน่าเชื่อถือ

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.การคลัง กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “World Economic Outlook and Future Investment Landscape : Challenge for Investor Searching for Higher Yield” ในงานสัมมนานานาชาติ The 3rd ASEAN Fixed Income Summit : AFIS จัดโดยบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) โดยระบุว่า ตราสารหนี้ของไทยเป็นที่น่าสนใจทั้งใน และต่างประเทศ เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกเพิ่มมากขึ้น ทั้งพันธบัตรรัฐบาล หรือว่าตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อ รวมถึงตราสารหนี้ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะนักลงทุนให้ความสนใจ

นอกจากนี้ ยังรวมถึงในอนาคตประเทศไทยยังมีตราสารหนี้ที่เกิดจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ ฟันด์) ออกมา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ซึ่งเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่แน่นอน เพราะมีรายได้เข้ามาชัดเจน รวมถึงมีการประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ ซึ่งเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยผลตอบของหลายประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มลดง จึงทำให้กระแสเงินทุนไหลไปหาแหล่งที่ให้ผลตอบแทนสูงในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

สำหรับตลาดตราสารหนี้ไทยปัจจุบัน ประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาลร้อยละ 38 พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร้อยละ 27 และพันธบัตรรัฐวิสาหกิจร้อยละ 7.3 ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลกระจายในตลาดสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 73 ส่วนที่เหลือเป็นหุ้นกู้เอกชน ดังนั้น รัฐบาลจึงสนับสนุนการออกผลิตภัณฑ์หุ้นกู้ของภาคเอกชน เพื่อระดมทุนในตลาดมากขึ้น

รมช.คลัง ยอมรับว่า ขณะนี้ภาคเอกชนเริ่มสนใจระดมทุนผ่านการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์ (ABS) และตราสารหนี้ โดยมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยค้ำประกัน (MBS) ซึ่งทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์มีแนวโน้มเติบโตขึ้น เพราะมีสินทรัพย์หนุนหลัง และมีอัตราผลตอบแทนจูงใจร้อยละ 2.8

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการลงทุนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ให้ผลตอบแทนร้อยละ 1.5 ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในปัจจุบัน ร้อยละ 2.2 เฉลี่ยปีละร้อยละ 1.03 นอกจากนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างเตรียมระดมทุนผ่านกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ วงเงิน 100,000 ล้านบาท เพื่อลดภาระงบประมาณ

ด้าน นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานกรรมการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า ยอมรับว่าขณะนี้เอกชนบางส่วนนิยมออกตราสารที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากสถาบันจัดอันดับเครดิต นับว่ามียอดสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และได้รับความสนใจจากนักลงทุนเฉพาะกลุ่ม นักลงทุนจึงต้องระมัดระวังในการตัดสินใจเลือกลงทุน เพราะแม้ให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน

สำหรับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 22 กันยายนนี้ พิจารณาจากการออกมาพูดของกรรมการเฟดบางท่านกลับมีสัญญาณว่า อาจมีแนวโน้มปรับขึ้นเพียงร้อยละ 0.25 เพราะขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้นบ้างแล้ว และต้นปีหน้า เฟด คงไม่ตัดสินใจนโยบายทางการเงิน ซึ่งกระทบตลาดก่อนการเลือกตั้งใหม่ของสหรัฐฯ เพราะต้องรอให้รัฐบาลใหม่พิจารณา ดังนั้น กระแสเงินทุนไหลเข้าออกสหรัฐขณะนี้ได้ปรับตัวไปค่อนข้างมากแล้ว จึงไม่น่าส่งผลกระทบต่อเงินทุนไหลเข้าออกจากไทยมากนัก

น.ส.บัณฑรโฉม แก้วสอาด ประธานกรรมการ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) เปิดเผยว่า บตท.ได้รับเกียรติจากสมาคมตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (Asian Secondary Mortgage Market Association : ASMMA) เป็นเจ้าภาพจัดงานสัมมนานานาชาติ The 3rd ASEAN Fixed Income Summit : AFIS โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการส่งเสริมให้อาเซียนเป็นจุดหมายการลงทุนตลาดตราสารหนี้ในระดับภูมิภาคด้วยความโปร่งใสในปี 2020 และเป็นการส่งเสริมความรู้ให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ตลอดจนตอกย้ำบทบาทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยในการเชื่อมโยงตลาดเงิน และตลาดทุนของประเทศ

นอกจากนี้ ภายในงานสัมมนาฯ บตท.ได้นำเสนอนิทรรศการ เพื่อให้ความรู้การดำเนินธุรกรรมของสมาคมตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อเผยแพร่ความรู้ และส่งเสริมความเข้าใจบทบาท บตท.การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ทำหน้าที่เชื่อมโยงตลาดเงิน และตลาดทุน เพื่อสร้างเสถียรภาพในระบบการเงิน เพื่อที่อยู่อาศัย และพัฒนาตลาดทุนสู่ระดับสากลต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น