นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า วันนี้ (14 ก.ย.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% ต่อปี ซึ่งเป็นไปตามคาด โดยการประชุมระบุถึงภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีในไตรมาสที่ 2 แม้เป็นปัจจัยชั่วคราว แต่การลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐยังคงเป็นเครื่องจักรหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่นอกเหนือจากนี้ ทิศทางดอกเบี้ยก็เป็นอีกปัจจัยที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
“ผมมองว่า ทิศทางดอกเบี้ยไทยมีความไม่แน่นอนสูง ไม่ใช่ความไม่แน่นอนว่าจะขยับลง คง หรือขึ้น แต่เป็นความไม่แน่นอนว่าจะขยับขึ้นได้เมื่อไร เพราะการสื่อสารของนโยบายการเงินไทยผ่านกรอบเงินเฟ้อเป้าหมาย หรือ inflation targeting นั้น ดูเหมือนจะยังไม่สามารถกำหนดทิศทางได้ชัดเจน โดยเฉพาะเราให้น้ำหนักกับผู้กำหนดนโยบายในการพิจารณาทิศทางดอกเบี้ยไว้ด้วย จากการใช้คำว่า ยืดหยุ่น หรือ flexible ในการพิจารณากรอบเงินเฟ้อด้วย ซึ่งในที่สุด นักลงทุนคงต้องจับสัญญาณเอาเองว่า ภายใน 3-6 เดือนข้างหน้านั้น ดอกเบี้ยจะขยับขึ้นหรือไม่ เพราะเราคงไม่ได้เห็นการสื่อสารทิศทางดอกเบี้ยชัดๆ เหมือนอย่างเฟดเขาทำ แม้เฟดเองก็ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จมากนักในการสื่อสารทิศทางดอกเบี้ยเขา ดังเห็นได้จากระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมช่วงปลายปีที่คณะกรรมการฯ แต่ละคนเปิดเผย ก็ยังเปลี่ยนแปลงบ่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย”
โดยสรุป มองว่านับจากนี้ดอกเบี้ยไทยเป็นขาขึ้น เพียงแต่จะขึ้นได้ก็น่าจะปี 2561 เป็นต้นไป เราอาจรอสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ย ปล่อยบาทอ่อนค่าสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยน่าจะเริ่มปรับขึ้นได้เร็วๆ นี้ จากเงินไหลออก และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยที่จะปรับสูงขึ้นตามสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการระดมทุนผ่านหุ้นกู้ของบริษัทสูงขึ้น หากเอกชนจะระดมทุนผ่านช่องทางนี้ ธนาคารมองว่า น่าจะหาจังหวะทำ ไม่เช่นนั้น ต้นทุนทางการเงินจะสูงขึ้นแม้ดอกเบี้ยนโยบายไทยไม่ได้ขยับขึ้นก็ตาม
นอกจากนี้ เอกชนที่ยังชะลอการลงทุน เพราะคาดว่าดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์จะต่ำยาว ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบอะไรมาก อาจต้องเตรียมตัว เพราะหากเกิดเงินไหลออกจากสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ย สภาพคล่องเริ่มตึงตัว การแข่งขันในการระดมทุนเริ่มเกิด ดอกเบี้ยเงินกู้จะมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ จากความต้องการสินเชื่อที่สูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ กนง.จะคงดอกเบี้ยก็ตาม