ดัชนี SET ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 1,547.84 จุด ลดลง 1.57 จุด เปลี่ยนแปลง -0.10% มูลค่าการซื้อขาย 25,230.18 ล้านบาท
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส คาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยจากนี้ไป Fund Flow น่าจะชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนกลับมาให้น้ำหนักกับท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ซึ่งมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้มากขึ้น สังเกตได้จากคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.ย.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการตอบสนองต่อประเด็นดังกล่าว โดยปรับตัวลงราว 0.29% พร้อมกับ Bond Yield ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในทุกช่วงเวลา รวมถึง Dollar Index ที่แข็งค่าขึ้นเช่นกัน และเป็นที่สังเกตว่า หลังจาก Fed ประกาศลดดอกเบี้ย ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ปรับลดลงต่อเนื่องอย่างรุนแรงจนถึงกลางเดือน ก.พ.2559 ลงไปทำจุดต่ำสุดของปีนี้ที่ 1,810 จุด หรือลดลงถึงมากถึง 11.7%
“ถ้อยแถลงของ นางเจเน็ต เยลเลน สร้างความกังวลให้กับตลาดหุ้นโลกในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้อีกครั้ง ซึ่งหากย้อนกลับไปเมื่อปลายปีที่แล้ว 16 ธ.ค.2558 ซึ่ง Fed ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 สู่ระดับ 0.25-0.50% พบว่า ก่อนที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยราว 1 เดือน หรือต้นเดือน พ.ย. ตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500 ปรับตัวลงไม่มากนัก จาก 2,109 จุด เหลือ 2,073 จุด หรือลดลง 1.7% ดังนั้น หาก Fed ขึ้นดอกเบี้ย เชื่อว่าน่าจะกระทบต่อหุ้นไทยอย่างมีนัยฯ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสที่จะขายทำกำไรหุ้นไทยเพื่อลดความไม่แน่นอน โดยเชื่อว่า SET ที่บริเวณ 1,555 จุด ยังเป็นแนวต้านสำคัญที่ SET อาจยังไม่สามารถผ่านไปได้ ส่วนแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,540 จุด” นายเทิดศักดิ์ กล่าว
กลยุทธ์การลงทุน จึงยังแนะนำให้ขายหุ้นแพงเกิน และเลือกลงทุนแบบ selective buy สลับมายังหุ้นที่มี upside สูง หรือมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากแนวโน้มผลการดำเนินที่เติบโตในงวด 2H59 เฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจที่กำลังเข้าสู่ช่วง High Season เช่น กลุ่มเช่าซื้อ กลุ่มสายการบิน กลุ่มเกษตร-อาหาร
เช่นเดียวกับ นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันที่ 29 ส.ค. ดัชนีปรับตัวลดลง หลังจาก นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดได้มีถ้อยแถลงเมื่อคืนวันศุกร์ (26 ส.ค.) ที่สะท้อนว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวดี แต่ยังต้องใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายหนุนต่อไป ขณะที่รองประธานเฟดได้กล่าวอย่างชัดเจนมากกว่าว่า ควรขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ก.ย. จึงเป็นผลกดดันให้ตลาดหุ้นหลายแห่งในภูมิภาคเอเชียปรับตัวลดลง
“ตอนนี้นักลงทุนอาจเริ่มมองว่า ขึ้นว่าเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. แต่คงจะต้องพิจารณาควบคู่กับปัจจัยอื่นๆ เช่น การจ้างงานนอกภาคเกษตรวันศุกร์นี้ ส่วนงานไทยแลนด์โฟกัส 31 ส.ค.-2 ก.ย. ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะจัดขึ้น คาดว่าอาจจะไม่ได้ดึงดูดเม็ดเงินเข้ามาทันที เพราะภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียยังไม่ค่อยดีนัก ซึ่งเป็นผลมาจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า จึงทำให้เงินหลายสกุล รวมถึงเงินบาทอ่อนตัวลง จนเกิดแรงขายหุ้นในที่สุด” นายธนเดช กล่าว
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหากหุ้นปรับตัวขึ้นจนใกล้แนวต้าน ให้ทยอยขายทำกำไรออก พร้อมประเมินแนวรับ 1,530 จุด แนวต้าน 1,558 จุด