xs
xsm
sm
md
lg

บล.เอเชีย เวลท์ มองตลาดหุ้นรับลูกหลังผลประชามติรับร่างฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.เอเชีย เวลท์ ประเมินนักลงทุนมีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว มากกว่าความกังวลว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ย และผลประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญไทยแผ้วถางเดินหน้าเลือกตั้งปีหน้าตาม Roadmap คสช.ลดความกดดันด้านการเมือง

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นน่าจะสดใส จากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll) ของสหรัฐฯ ออกมาดีมากที่ 2.55 แสนล้านคน ติดต่อเป็นเดือนที่สองที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งตลาดดูท่าว่าให้น้ำหนักความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวมากกว่าความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งตอนนี้อัตราความน่าจะเป็นที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น จนมีความเป็นได้ว่า Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า แม้ว่าความเป็นไปได้จะอยู่ที่ 18% แต่ว่าปรับตัวขึ้นเป็นสองเท่าจากสัปดาห์ก่อน และ Fed อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งก่อนสิ้นปี อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้น Wall Street รับความเสี่ยงตรงนี้ได้ เพราะตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด

ขณะที่ในส่วนของปัจจัยในประเทศ จากการที่ประชาชนลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้ลดความไม่แน่นอนของประเด็นการเมืองในรัฐสภาลง เห็นได้ชัดเจนจากโอกาสความน่าจะเป็นที่สูงขึ้นในการที่จะมีการเลือกตั้งในปีหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศรอคอย แต่ว่าจะต้องรอดูต่อไปว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกรัฐสภาจะเป็นอย่างไรต่อไป

นอกจากนี้ ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BOJ ไม่ได้มีการขยายมาตรการ QE ต่อ โดยรัฐบาลใช้นโยบายการคลังขยายเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ BOJ ไม่ขยายการซื้อพันธบัตรทำให้กองทุนโลกที่เข้าเก็งกำไรในราคาพันธบัตรหยุดชะงัก และเริ่มเทขาย ส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเชีย รวมทั้งไทย

ดังนั้น จึงคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้น่าจะปรับตัวขึ้น โดยมองกรอบดัชนี SET Index จะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,496-1,534 จุด

สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำหุ้น ของ บมจ.ทางด่วน และรถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือ BEM ซึ่งคาดว่าจะมีแนวโน้มผลประกอบการที่สดใสมากจากปีนี้เป็นต้นไป โดยได้แรงหนุนจาก หนึ่ง รายได้จากการบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งเริ่มเปิดบริการ 6 สิงหาคม 2559 ประการที่สอง โครงการทางด่วนศรีรัช-ถนนวงแหวนรอบนอก จะเปิดในวันที่ 20 สิงหาคม 2559 และสาม รัฐบาลประกาศใช้มาตรา 44 เพื่อเพิ่มความเร็วในการเจรจาเกี่ยวกับสัญญาสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย จะแล้วเสร็จภายใน 135 วัน นับจาก 21 กรกฎาคม 2559 โดยคาดว่าเจรจาตรงกับ BEM ทำให้กรณีนี้ที่ล่าช้ามานานถึง 1 ปีครึ่ง ได้ข้อสรุป และเดินหน้าต่อไป

“ถึงแม้ว่าเราจะคาดหวัง BEM จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/59 ลดลง 31% เทียบระหว่างไตรมาสก่อนหน้ามาอยู่ที่ 480 ล้านบาท จาก 702 ล้านบาท ในไตรมาส 1/59 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์หนี้ แต่ บล.เอเชีย เวลท์ ยังคาดทั้งปีมีกำไรปกติ 3.0 พันล้านบาท ในปี 2559 เพิ่มขึ้น 70% เทียบปีก่อนหน้า และ 4.2 พันล้านบาท ในปี 2560 เพิ่มขึ้น 38% เทียบปีก่อนหน้า ซึ่งจากการที่เราประเมินมูลค่าเหมาะสมของ BEM ตามวิธี DCF ที่ WACC 7.8% ได้ราคาเป้าหมาย BEM ที่ 10.10 บาท ซึ่งรวมถึงประมาณการรายได้จากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และการต่ออายุสัมปทานของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเดิม ทำให้ราคาหุ้นในปัจจุบันยังมี upside 24%”

ทั้งนี้ ด้าน P/E Ratio ปี 2559 อยู่ที่ 26 เท่า และลดลงเหลือ 18.8 เท่าในปี 60 ไม่ถือว่าสูง เนื่องจากคาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานปีนี้ที่ระดับ 70% ด้าน Technical รูปแบบราคาของ BEM ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น จากการเกิดทั้งสัญญาณซื้อรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน โดยมีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 8.60 บาท ซึ่งราคาหุ้น BEM ขึ้นไปทดสอบเป้าหมายดังกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่สามารถเบรกด้วยการปิดตลาดเหนือ 8.60 บาท ได้สำเร็จ ต้องรอความแข็งแกร่งในการปรับตัวขึ้นของ BEM ในรอบนี้ต่อว่า จะสามารถเบรกด้วยการปิดตลาดเหนือ 8.60 บาทได้หรือไม่ ซึ่งถ้าปิดตลาดเหนือ 8.60 บาท ได้สำเร็จ จะมีเป้าหมายของการทำ New High ต่อไปอยู่ที่ 10.80 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น