ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอสซี ชี้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโต เหตุปัญญาหนี้ครัวเรือนเริ่มชะลอตัว การลงทุนของภาครัฐ ราคาน้ำมันที่ลดลงไม่ผลักดันต่อต้นทุน แต่ก็ห่วงเรื่องเศรษฐกิจโลก ภาคส่งออกที่ยังไม่เห็นสัญญาณจะกลับเป็นบวก พร้อมประกาศเดินหน้าลงทุน แม้ ศก.ยังไม่ฟื้น เพิ่มเป้าเปิดโครงการใหม่เป็น 11 โครงการ มูลค่า 25,000 ล้านบาท ลั่นรายได้ 15,000 ล้านบาท
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ SC ได้ฉายภาพถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 ว่า มีสัญญาณที่ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก คาดการณ์จีดีพีเติบโตมากกว่า 3.1% มีเครื่องชี้วัดหลายตัวดีขึ้น และส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยสถานการณ์หนี้ครัวเรือนปรับตัวดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับในสัดส่วนที่สูงขึ้น โดยชะลอตัวลงเหลือต่ำกว่าระดับ 5% สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ณ ไตรมาสแรกของปี 59 ที่ผ่านมา มีการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี เหลือ 81.1% ทำให้ประชาชนเริ่มมีความสามารถที่จะกู้ซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น เพราะเหตุหนี้เริ่มลดลง รวมถึงหนี้รถคันแรกได้ปรับลดลงเช่นกัน
“ปัจจัยบวกที่ยังต้องพิจารณา คือ การลงทุนของภาครัฐ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ราคาที่ดินในทำเลใกล้การลงทุนมีมูลค่ามากขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้ต้นทุนไม่เพิ่มขึ้น แต่กระนั้น แม้มีปัจจัยบวก แต่เราก็ต้องพิจารณาเรื่องปัจจัยอีกด้าน โดยมองว่ายังคงมีความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้น มีหลายเห็นการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เช่น ราคาน้ำมันโลกที่ลดต่ำลงมาก และในไตรมาสที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ออกนโยบายติดลบ รวมถึงผลพวงจากการถอนตัวของประเทศอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป มีผลต่อเศรษฐกิจไทย ขณะที่ภาคการส่งออกของไทยยังไม่เห็นสัญญาณที่จะกลับมาเป็นบวก”
ในด้านแผนการลงทุนของบริษัทเอสซีฯ แม้ว่าเศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้นตัวมากนัก แต่บริษัทยังคงเชื่อมั่นว่าความต้องการในที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ทาง เอสซี ได้ปรับแผนการพัฒนาโครงการ โดยเพิ่มจาก 10 โครงการใหม่ เป็น 11 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีแรกเปิดโครงการใหม่แล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวม 11,000 และในช่วง ครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 4 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท
ในจำนวนนี้ เป็นแบรนด์ใหม่ 2 โครงการ คือ เดอะเจนทริ สุขุมวิท บ้านหรู 3 ชั้น จำนวน 57 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท โครงการเฮดควอเตอร์ส ที่อยู่อาศัยคอนเซ็ปต์ใหม่ สูง 5 ชั้น พร้อมลิฟต์ จำนวน 29 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 28 ล้านบาท
และโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 9,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ ทเวนตี้เอท ชิดลม เป็นคอนโดมิเนียม ลิมิเต็ดคอลเล็กชันแบรนด์ใหม่ บนถนนชิดลม พื้นที่ 3 ไร่ มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้นกว่า 3 แสนบาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) และโครงการ แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา-รัชดาภิเษก แบรนด์น้องใหม่ พัฒนาเป็นรูปแบบคอนโดมิเนียมโลวไรส์ ทำเลถนนรัชดา-รามอินทรา พื้นที่ 4 ไร่ มูลค่า 800 ล้านบาท ราคาขาย 70,000 บาทต่อ ตร.ม.
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สามารถทำได้รวมเกิน 50% ของเป้าหมายวางไว้ 15,000 ล้านบาท ผลจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯภาครัฐ ส่งผลรายได้ไตรมาสแรกทำได้ 3,327 ล้านบาท เติบโตถึง 60% จึงมั่นใจว่าทำรายได้ตามเป้าหมายวางไว้ ขณะที่ยอดขายช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ทำได้แล้วกว่า 6,000 ล้านบาท มายอดขายคอนโดเนียม 30% ที่เหลือมาจากโครงการแนวราบ โดยเฉพาะกลุ่มบ้านระดับ 15 ล้านบาทลงมา มียอดขายที่เติบโตมาก
“ตามเป้าหมายของเอสซี จะมีการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตามโรดแมปของเอสซี ในปี 2562 รายได้สู่ระดับ 20,000 ล้านบาท”