xs
xsm
sm
md
lg

คลังหนุนแนวคิดเก็บภาษีจากผู้รับผลประโยชน์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รมว.คลัง สนับสนุนแนวคิดเก็บภาษีจากผู้รับผลประโยชน์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนน รถไฟฟ้า เพราะทำให้ทำเลบริเวณดังกล่าวมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย ผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ จึงควรเสียภาษีจากผลพลอยได้ โดยเน้นการเก็บในเชิงพาณิชย์ แต่ยกเว้นประชาชนทั่วไป

นายอภิศักดิ์ ตันติวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามในความตกลงหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ระหว่างสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือ สพพ. และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) โดยระบุว่า สนับสนุนแนวคิดการจัดเก็บภาษีหรือค่าธรรมเนียมจากผู้รับผลประโยชน์ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนน รถไฟฟ้าจากภาครัฐ เมื่อเข้าไปพัฒนาสาธารณูปโภคในพื้นที่ต่างๆ ให้มีความเจริญขึ้น ทำให้ทำเลบริเวณดังกล่าวมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย ผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์จึงควรเสียภาษีจากผลพลอยได้

สำหรับการจัดเก็บภาษีจากผู้รับอานิสงส์ดังกล่าวต้องเก็บเฉพาะการนำที่ดินมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ เพราะมีรายได้เพิ่มในการประกอบกิจการ แต่ควรยกเว้นสำหรับประชาชนทั่วไปซึ่งอยู่อาศัยไม่ได้ปรับปรุงพัฒนาที่ดินครอบครอง เพราะจะสร้างภาระให้กับประชาชนทั่วไป แต่หากขายออกไปแล้วผู้อื่นนำไปพัฒนาจึงค่อยเก็บกับบุคคลผู้พัฒนา ขณะนี้ร่างกฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศ ( สปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยยังไม่มีข้อสรุปร่วมกัน จึงเป็นเพียงแนวคิดในการจัดเก็บภาษีประเภทใหม่ ๆ เพิ่ม

ส่วนกรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม ศึกษาการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ริมทางรถไฟฟ้า ซึ่งขยายออกไปต่างจังหวัดหลายเส้นทาง ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก กระทรวงคมนาคมต้องกำหนดจุดสร้างสถานีรถไฟฟ้า เพื่อศึกษาแผนพัฒนาพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้า ทั้งการสร้างเมืองธุรกิจใหม่ การสร้างโกดังเก็บสินค้า สถานที่ขนส่ง ส่งผลให้สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเหมือนกับหลายประเทศซึ่งดำเนินการอยู่ หากรอเพียงรายได้จากค่าโดยสาร ซึ่งต้องเก็บอัตราต่ำไม่ให้กระทบเป็นภาระประชาชนผู้ใช้บริการและจะไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน จึงต้องหารายได้จากด้านอื่นมาชดเชย ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลจากหลายหน่วยงาน

สำหรับการลงนามร่วมกันระหว่าง สพพ.และไจก้าครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างโครงการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงระหว่างไจก้าและ สพพ. หวังแบ่งกันทำงานไม่ให้ซ้ำซ้อน เพราะมีบทบาทลักษณะเดียวกันเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมการขนส่งข้ามพรมแดนให้มีความคล่องตัวมากขึ้น รวมถึงร่วมพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก หรือ East-West Economic Corridor ซึ่งเชื่อมระหว่างเวียดนาม-เมียนมาร์ และระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเชื่อมจากท่าเรือน้ำลึกทวาย สร้างถนนและรถไฟฟ้าผ่านมาภาคตะวันออกของไทยขยายออกไปกัมพูชา เวียดนาม นับเป็นการออกไปช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ เพื่อความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงดีขึ้น เพราะหากเพื่อนบ้านเจริญมากขึ้นไทยจะได้รับประโยชน์ด้วยเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น