กบข.ปรับกลยุทธ์การลงทุน คาดกรณี Brexit ไม่กระทบการสร้างผลตอบแทนระยะยาว แนะทุกภาคส่วนต้องทำความเข้าใจ และให้ความสำคัญต่อการบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กรณีการลงประชามติของสหราชอาณาจักรที่มีมติต้องการออกจากสถานภาพสมาชิกในสหภาพยุโรป (อียู) หรือ Brexit ทาง กบข.ประเมินว่า จะเกิดผลกระทบระดับต่ำต่อภาวะเศรษฐกิจไทย รวมทั้งตลาดเงิน และตลาดทุนของไทย เพราะไทยทำการค้ากับอังกฤษน้อย และนักลงทุนอังกฤษเข้ามาลงทุนในไทยไม่มาก ประกอบกับกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และตลาดหลักทรัพย์ เตรียมมาตรการรองรับเรื่องดังกล่าวไว้ระยะหนึ่งแล้ว ทั้งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และความผันผวนของตลาดทุน และยังได้ติดตามสถานการณ์ว่า กลุ่มประเทศในอียูจะดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจไปในทิศทางใด พร้อมวิเคราะห์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไทยสามารถรับมือผลกระทบที่เกิดขึ้นได้
นายสมบัติ กล่าวต่อไปว่า การลงประชามติครั้งนี้เป็นเรื่องที่ กบข.วิเคราะห์ และเตรียมการรับมือเอาไว้ล่วงหน้าโดยใช้ความระมัดระวัง อีกทั้ง กบข.มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนก่อนหน้านี้ ทั้งสกุลเงินปอนด์ป้องกัน ร้อยละ 63 และยูโรป้องกัน ร้อยละ 80 ของการลงทุนที่เป็นเงินสกุลดังกล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของการลงทุนในหุ้น ทาง กบข.ได้ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นประเทศอังกฤษลงก่อนหน้า ส่วนผลกระทบต่อการลงทุนให้แก่สมาชิก กบข.มีไม่มาก เนื่องจาก กบข.ลงทุนส่วนใหญ่ตราสารหนี้ไทย ร้อยละ 65 อสังหาริมทรัพย์ประมาณร้อยละ 7 ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในไทย โดยมีการลงทุนในหุ้นประมาณร้อยละ 20 ที่เหลือเป็นการลงทุนทางเลือกอื่นๆ ที่เหมาะสม
เลขาฯ กบข. กล่าวว่า เหตุการณ์ Brexit แสดงให้เห็นว่า ความผันผวนในตลาดเงินตลาดทุนสามารถเกิดได้บ่อยขึ้น ทุกภาคส่วนต้องทำความเข้าใจ และให้ความสำคัญต่อการบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง สำหรับ กบข.ติดตามสถานการณ์ และวิเคราะห์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับกลยุทธ์การลงทุนระยะกลาง และระยะยาวให้สอดคล้องต่อสภาวะเศรษฐกิจอยู่เสมอ เพื่อให้ผลตอบแทนการลงทุนของ กบข.ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายในระยะยาวที่วางไว้ ทั้งนี้ ณ 31 พฤษภาคม ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ยตั้งแต่ตั้งกองทุนอยู่ที่ร้อยละ 6.69 ต่อปี ขณะที่ผลตอบแทนสะสมปี 2559 ถึงวันที่ 28 มิถุนายน หลังเหตุการณ์ Brexit ยังคงเป็นบวกมากกว่าร้อยละ 2 แน่นอน
