รอยเตอร์ - โกลด์แมน แซกส์ ออกคำเตือนภาวะวิกฤตหลัง BREXIT ในวันอาทิตย์ (26 มิ.ย.) ว่า หลังจากผลการลงประชามติทำให้เกิดการช็อกตลาดหุ้นไปทั่วโลก รวมไปถึงค่าเงินปอนด์อังกฤษที่ร่วงเป็นประวัติการณ์ และหลังจากนั้นมีการคาดว่าอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะเริ่มต้นของเศรษฐกิจแบบถดถอยภายในต้นปี 2017 และจะกระทบตัวเลข GDP ถึง 2.75% ในอีก 18 เดือนข้างหน้า ส่วนสหรัฐฯ และอียูจะเห็นตัวเลขการเติบโตลดลง
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) ว่า แจน ฮัตเซียส (Jan Hatzius) และสเวน ยาริ สเติห์น (Sven Jari Stehn) ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ประจำโกลด์แมน แซกส์ สถาบันการเงินและการลงทุนยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯได้ออกคำเตือนไปยังลูกค้าของบริษัทในวันอาทิตย์ (26) ว่า “เราคาดการณ์ว่าสภาวะเศรษฐกิจของอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะถดถอยแบบเริ่มต้นภายในต้นปี 2017”
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ของวาณิชธนกิจสหรัฐฯ ได้ทำนายต่อว่า ผลจากชัยชนะของการลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ส่งผลทำให้อังกฤษต้องออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป จะหั่นตัวเลขผลรวมของ GDP อังกฤษลงถึง 2.75% ในอีก 18 เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ ทั้ง ฮัตเซียส และสเติห์น ยังเชื่อว่า วิกฤตหลัง BREXIT จะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปด้วยเช่นกัน ซึ่งการคาดการณ์ของโกลด์แมน แซกส์ ต่อค่า GDP ของกลุ่มยูโรโซนในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 1.25% โดยเฉลี่ยต่อ 1.5% ก่อนการลงประชามติ BREXIT
และสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทางโกลด์แมน แซกส์ได้คำนวนตัวเลขการเติบโต GDP ในช่วงครึ่งหลังของปี 2016 อยู่ที่ 2% ต่อตัวเลขในช่วงเวลาเดียวกันก่อนเกิดภาวะ BREXIT ที่ 2.25%
รอยเตอร์รายงานต่อว่า ทางโกลด์แมน แซกส์ชี้ถึงจุดเสี่ยง 3 ประการที่เกิดขึ้นเนื่องมาจาก BREXIT คือ (1) ด้านการค้าที่คาดว่าจะเสื่อมถอยลง (2) ภาวะการลงทุน เนื่องมาจากบริษัทส่วนใหญ่จะลดการลงทุนลงเนื่องมาจากผลของความไม่แน่นอน (3) ภาวะทางการเงิน คาดว่าจะต้องมีการใช้มาตรการแบบอนุรักษนิยมเนื่องมาจากปัจจัยการผันผวนของระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และความอ่อนแอของสินทรัพย์เสี่ยง เป็นต้นว่าหุ้น และพันธบัตรขยะ (Junk bond)