ราคาทองคำตลอดทั้งเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้นแล้วเกือบ 5% (ราคาปัจจุบัน $1,268) ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน(YTD) ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแล้วเกือบ 20% โดยประเด็นสำคัญที่ผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้แก่ การชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดหลังการจ้างงานซบเซากว่าที่คาด นอกจากนี้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นหากอังกฤษออกจากสมาชิกสหภาพยุโรปเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเกือบ%ในเดือนนี้จะเห็นได้ว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำตลอดทั้งเดือนมิ.ย. และโดยเฉพาะการปรับตัวลงของราคาทองคำในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาหลังผลโพลบ่งชี้ว่าฝ่ายสนับสนุนให้อังกฤษอยู่ใน EU ต่อมีคะแนนนำ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตลาดทองคำอ่อนไหวต่อการทำประชามติ Brexit มากเพียงใด ดังนั้นประเด็นนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทองคำทั่วโลกกำลังจับตามอง
ราคาทองคำจะเป็นอย่างไรหลังผลประชามติ BREXIT
การเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้ของทองคำจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับผลการทำประชามติ Brexit หรือการออกจากสหภาพยุโรปเป็นหลัก เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ผลประชามติ Brexit ที่จะออกมาได้ ส่งผลให้ตลอดเดือนที่ผ่านมานักลงทุนในตลาดเริ่มมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงไปยังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำซึ่งก่อให้เกิดความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุน
หากผลการทำประชามติว่าอังกฤษยังคงอยู่ใน EU (REMAIN)
•คาดว่าเงินปอนด์จะปรับตัวเพิ่มขึ้นและจะเป็นปัจจัยกระตุ้นแรงซื้อคืนในสินทรัพย์เสี่ยง และส่งผลกดดันให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยซึ่งอาจทำให้ทองคำปรับตัวลงแรง
หากผลการทำประชามติว่าอังกฤษออกจาก EU (LEAVE)
•การออกเสียงให้ถอนตัวจาก EU ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองและการพลิกผันของแนวโน้มในตลาดโลกจะทำให้ความเสี่ยงปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะสร้างภาวะผันผวนอย่างหนักให้กับตลาดโลกและทรัพย์สินเสี่ยงซึ่งรวมถึงหุ้นและสินเชื่อที่จะได้รับผลกระทบจากการลดความเสี่ยง ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ความปลอดภัย ซึ่งอาจทำให้ทองคำปรับตัวขึ้นแรงเช่นกัน
แนวโน้มราคาทองคำ
เบื้องต้นวายแอลจีประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้บริเวณ 1,240-1,345 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งผลการทำประชามติ Brexit จะเป็นปัจจัยชี้นำสำคัญที่กำหนดการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้ หากผลการทำประชามติว่าอังกฤษยังคงอยู่ใน EU จะส่งผลให้ราคาทองคำเผชิญแรงขายและอาจปรับตัวลดลงมาบริเวณแนวรับที่ระดับ 1,240 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากผลการทำประชามติว่าอังกฤษออกจาก EU (LEAVE) ราคาทองคำจะได้รับแรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณจุดสูงสุดเดิมที่ 1,315 ดอลลาร์ต่อออนซ์และแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,345 ดอลลาร์ต่อออนซ์
โดยแนะนำนักลงทุนเก็งกำไรโดยให้เน้นไปที่การเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นจากแกว่งตัวของราคา และเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,264 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยบริเวณแนวรับถัดไป และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นทอสอบบริเวณแนวต้าน 1,315 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาสามารถผ่านแนวต้านบริเวณดังกล่าวได้แนะนำถือสถานะต่อเพื่อรอขายที่แนวต้านถัดไป
อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานอย่างประเด็น Brexit อาจส่งผลให้ราคาทองคำแกว่งตัวผันผวนตลอดสัปดาห์ นอกจากนี้จากการที่ผู้จัดการกองทุนและกองทุนเฮดจ์ฟันด์ปรับเพิ่มการถือครองสถานะซื้อสุทธิในทองขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปีในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันอังคารที่ 14 มิ.ย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้ราคาทองคำในช่วงปลายสัปดาห์นี้หลังรับข่าวการทำประชามติผันผวนมากยิ่งขึ้น นักลงทุนจึงควรเพิ่มความระมัดระวังและเน้นทำกำไรระยะสั้นพร้อมกำหนดจุดตัดขาดทุนประกอบการลงทุน