บล.เคทีบีฯ มองดัชนีสัปดาห์นี้ผันผวนสูง แนะจับตาการประชุมระดับผู้นำอียู เพื่อดูมาตรการต่างๆ ที่จะเข็นออกมาใช้จะยับยั้งแรงขาย และเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้หรือไม่ โดยให้แนวรับ 1,350 จุด พร้อมชู 3 หุ้นเด่นรับผลดี Brexit และหุ้นที่มีปันผลงาม
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เปิดเผยว่า ผลของลงประชามติแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ที่ออกมานั้น เป็นการสวนทางกับผลสำรวจก่อนหน้า ซึ่งตลาดการลงทุนแทบไม่ได้เตรียมรับมือกับผลแบบนี้ จึงเกิดการขายตามมาในทันที แม้จะผ่านการรายงานผลประชามติไปเพียงหน่วยที่ 3 เท่านั้น
โดยในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา การประชุมของธนาคารกลาง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องแทบไม่มีอะไรคืบหน้า มีเพียงแต่ขู่อังกฤษ และเตรียมมาตรการเพื่อรับมือกับแรงขายในตลาดเงิน โดยหลักๆ จะเป็นผลกระทบจากเรื่องค่าเงิน จากการกู้ยืมดอลลาร์สหรัฐระหว่างธนาคารกลาง (Swap Line) ซึ่งถ้าคุมตลาด FOREX ได้ จะมีผลไปถึงตลาดอื่นๆ ด้วย
ดังนั้น คงต้องรอให้มีการประชุมระดับผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ในวันจันทร์ (27 มิ.ย.) จากนี้มาตรการต่างๆ ที่จะเข็นออกมาใช้จะยับยั้งแรงขาย และเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้หรือไม่ หากสำเร็จ แรงขายสินทรัพย์ที่ถูกกระทบจาก Brexit จะเบาบางลง และมีรีบาวนด์ให้เห็น ณ จุดๆ นี้ ดังนั้น จึงเป็นการมองได้ยากว่าการรีบาวนด์ของตลาดหุ้นจะเกิดขึ้นในวันใด และยาวแค่ไหน ขณะเดียวกัน คาดว่าความผันผวน ความกลัวจะค่อยๆ สงบลงภายใน 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับมาตรการต่างๆ ที่จะมีการทยอยออกมาว่าได้ผลหรือไม่
ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทยนั้นได้รับผลกระทบจากเรื่อง Brexit ค่อนข้างน้อย แต่จะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากเรื่องความผันผวนในตลาด ดังนั้น สำหรับคำแนะการลงทุน คือ ควรรอให้มีสัญญาณที่ระบุได้ชัดว่า สถานการณ์กำลังจะคลี่คลาย แต่ก็ควรเล่นสั้นๆ เท่านั้น ไม่ใช่จังหวะที่ซื้อเก็บเพื่อถือยาว หุ้นขนาดใหญ่ที่นักลงทุนต่างชาติถือไว้มาก เช่น ธนาคาร พลังงาน ยังเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงเมื่อต่างชาติเทขาย โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์เลวร้ายลง ดังนั้น ควรลดพอร์ตการลงทุนบ้างในช่วงนี้
ส่วนหุ้นที่น่าสนใจ โดยหุ้นที่คาดว่าน่าจะได้รับปัจจัยบวกจากเรื่องจาก Brexit คือ หุ้น CPALL MC KK และหุ้นในกลุ่มที่มีการจ่ายปันผลดี สำหรับดัชนีหุ้นในสัปดาห์นี้มองว่าจะผันผวนสูง มองกรอบดัชนีไว้ที่ 1,380-1,440 จุด แต่หากมีขายรุนแรง แนวรับถัดไปจะเป็น 1,350 จุด
ด้าน นายชาตรี โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นใน 1 สัปดาห์ข้างหน้าตลาดยังมีความกลัวในเรื่อง Brexit อยู่ เพราะยังไม่รู้ว่าใครจะออกจากยูโรโซนตามอังกฤษอีกหรือไม่ จึงทำให้คนยังไม่มั่นใจ ดังนั้น สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นจะมีการเทขายทำกำไรในทั่วโลกไปสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างตราสารหนี้ และทองคำ โดยเฉพาะเงินที่อยู่ในยุโรปจะโยกย้ายไปสู่ภูมิภาคไม่ได้ค่อยได้รับผลกระทบอย่างตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย รวมทั้งไทย
ทั้งนี้ มองว่าสหรัฐฯ จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ไป โอกาสขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ น่าจะเป็นช่วงปีหน้าไปเลย ขณะที่ญี่ปุ่นมีแนวโน้มว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีก ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) น่าจะออกมาตรการอัดฉีดเงินอีกเพื่อให้เงินเยนอ่อนค่าลง เพราะผลจาก Brexit นั้นทำให้เงินเยนแข็งค่า และส่งผลประทบต่อบริษัทจดทะเบียน
ในส่วนของประเทศไทยนั้นได้รับผลกระทบจากการที่อังกฤษออกจากยูโรโซนไม่มาก การส่งออกไปยุโรปมีสัดส่วนเพียง 1.5% เท่านั้น แต่ตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจากแรงเทขายจากต่างประเทศได้ ดังนั้น แนะนำว่าในช่วงนี้ควรชะลอการลงทุนในหุ้น และถือสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง ทองคำ หุ้นกู้เอกชนระยะสั้น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีการจ่ายเงินปันผลดี