“ทิสโก้” คาดเฟดขึ้น ดบ.ปลายปีนี้ ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า พร้อมมองค่าเงินบาทสิ้นปีนี้อยู่ที่ 36.60 และสิ้นปี 60 จะอยู่ที่ 37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แนะเพิ่มน้ำหนักตราสารหนี้ระยะสั้นสหรัฐฯ เพราะเสี่ยงต่ำ ซึ่งจะทำให้ได้กำไรจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่จะกลับมาเป็นเทรนด์แข็งค่าในระยะยาว
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มเทรนด์ขาขึ้นระยะยาวตั้งแต่ต้นปี 2557 เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มลดการอัดฉีดสภาพคล่องผ่านมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องมาจนถึงปลายปีที่แล้ว แต่ในปีนี้ดอลลาร์สหรัฐได้กลับมาอ่อนค่าลงราว 2% นับจากต้นปี
โดยปัจจัยหลักๆ มาจากการที่ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไป หลังจากยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ในเดือน พ.ค.ออกมาน่าผิดหวัง อย่างไรก็ตาม ดัชนีชี้วัดตลาดแรงงานตัวอื่นๆ ยังคงแข็งแกร่ง และเราคาดว่า เฟดจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยช่วงปลายปี ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าอยู่ในขณะนี้ กลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
“มองว่าดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นในระยะยาว โดยคาดว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ ในการประชุมเดือนธันวาคม และขึ้นอีก 3 ครั้งในปีหน้า ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยน่าจะทรงตัวที่ 1.5% ไปจนถึงปลายปีหน้า ดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยในไทยที่ทรงตัว จะส่งผลดึงดูดเม็ดเงินลงทุนกลับไปยังสหรัฐฯ และส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาท”
นายคมศร คาดว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท ณ สิ้นปี 2559 และ 2560 จะอยู่ที่ 36.6 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และ 37.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ และแนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้นของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกที่ยังมีอยู่มากในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และมีโอกาสได้กำไรจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่จะกลับมาเป็นเทรนด์แข็งค่าในระยะยาว
