ผู้บริหาร BAY มองเงินบาท H2/59 อ่อนค่ากว่า H1/59 รับผลเฟดขึ้นดอกเบี้ย คาดหนุนส่งออกฟื้นตัว แนะติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนโยบายหลังจากได้ประธานาธิบดีในช่วงปลายปี ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่กำหนดทิศทางของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในอนาคต
นายตรรก บุนนาค ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอล มาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดว่า เงินบาทในช่วงครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มอ่อนค่ากว่าครึ่งปีแรก เป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเป็นเดือน ก.ค.59 จากเดิมคาดจะเห็นในเดือน มิ.ย. ซึ่งจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในไตรมาส 3 โดยเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจุบันเคลื่อนไหวที่ 35.7-35.8 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่คาดว่ากรอบเงินบาทสิ้นปีจะอยู่ที่ 35.6-36.2 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ผลของการที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่าจะเป็นผลดีที่ช่วยภาคการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลังดีขึ้น โดยจะเป็นแรงส่งให้แก่เศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวจะได้รับผลบวกจากการที่เงินบาทอ่อนค่า อีกทั้งการลงทุนในประเทศต่างๆ จะเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะยังขยายตัวได้ที่ 3.2%
อย่างไรก็ตาม การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะมีผลให้กระแสเงินทุนที่เข้าไปลงทุนในตลาดพันธบัตรในภูมิภาคอื่นในระยะสั้นก่อนหน้านี้จะเคลื่อนย้ายกลับไปยังตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ เนื่องจากได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
ขณะที่ประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยของประเทศอื่นๆ จะมีการทยอยปรับขึ้นตามเพื่อให้สอดคล้องกันทั่วทั้งโลก แต่ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย เชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังตรึงอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ที่ 1.5% ภายใต้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
อย่างไรก็ตาม การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น แต่หลังจากนั้นจะเห็นการขายทำกำไรค่าเงินดอลลาร์สหรัฐออกมาบ้าง ซึ่งมีโอกาสทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงได้เล็กน้อย แต่ทั้งนี้ยังต้องติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนโยบายหลังจากได้ประธานาธิบดีในช่วงปลายปี ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่กำหนดทิศทางของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในอนาคต