แบงก์กสิกรฯ คาดแนวโน้มเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าแตะ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ปลายปีนี้ ขณะที่ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนปีนี้จะมีความผันผวนน้อยกว่าปีก่อน พร้อมมอง กนง.อาจต้องคง ดบ.นโยบายที่ 1.5% เพื่อดูแล ศก. เพราะหากปรับขึ้น ดบ.อาจทำให้เงินไหลเข้าเพื่อเก็งกำไรค่าเงินบาท ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ส่งผลต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยลดน้อยลง
นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนปีนี้จะมีความผันผวนน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากปี 2558 เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นมากถึงร้อยละ 8-9 ดังนั้น ปีนี้อัตราการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐจึงน้อยลง อย่างไรตาม มองว่าดอลลาร์สหรัฐยังมีแนวโน้มที่จะแข็งค่า เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ฟื้นตัวดีที่สุด ขณะที่เศรษฐกิจจีนยังชะลอตัว เศรษฐกิจยุโรปค่อยๆ ฟื้นตัว ส่วนญี่ปุ่นยังคงต้องใช้มาตราการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้น เงินจึงไหลเข้าไปลงทุนในสกุลดอลลาร์สหรัฐต่อไป ส่งผลให้เงินบาท และเงินสกุลเอเชียอ่อนค่า โดยประเมินว่าปลายปีนี้เงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าไปถึง 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งปีนี้ โดยครั้งแรกจะปรับขึ้นในช่วงมีนาคมนี้ ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงดอกเบี้ยที่ร้อยละ 1.50 เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ เพราะหากขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจทำให้เงินไหลเข้าเพื่อเก็งกำไรค่าเงินบาท ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ส่งผลต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยลดน้อยลง
ส่วนแนวโน้มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ธนาคารกสิกรไทย ยังคงคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3 และจะมีการทบทวนอีกครั้งในช่วงปลายเดือนมิถุนายน โดยยังต้องติดตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งคาดการณ์ว่าขยายตัวร้อยละ 3.2 และความคืบหน้าการปฏิรูป และการลงประชามติรัฐธรรมนูญ