ตลาดหุ้นลุ้นอังกฤษลงประชามติออกจากสมาชิกของสหภาพยุโรป “อียู” 23 มิ.ย.นี้ กูรูหุ้นค่าย บล.คันทรี่กรุ๊ป มอง SET สัปดาห์นี้แกว่งตัวผันผวน แนวรับ 1,370 จุด “เอาอยู่” ชี้กระทบไทยไม่มาก แต่หวั่นลากเศรษฐกิจยุโรปถดถอย กดดันส่งออกของไทยในอนาคต
นายรณกฤต สารินวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังมีความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงติดตามการทำประชามิติถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) ซึ่งเป็นประเด็นที่กดดันบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนด้วย เพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าสวนทางค่าเงินยูโร
ขณะที่สหรัฐฯ มีโอกาสที่เศรษฐกิจจะขยายตัวช้าลง หลังจากประธานเฟดมองว่า ภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ยังไม่เหมาะที่จะเร่งปรับอัตราดอกเบี้ย ดังนั้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งจะส่งผลลบต่อการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ
“ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังคงมีความผันผวน เนื่องจากสินค้าโภคภัณฑ์จะอ่อนตัวในระยะนี้ ประกอบกับหุ้นกลุ่มแบงก์มีแรงขายจากเรื่องของ “พร้อมเพย์” เพราะกังวลว่ารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะลดลง และให้จับตาดูโพลของอังกฤษ หากฝ่ายสนับสนุนให้โหวตออกมีมากขึ้นเรื่อยๆ หุ้นจะตก แต่หากฝ่ายโหวตออกมีปริมาณน้อยลง หุ้นจะฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวรับที่ระดับ 1,370 เป็นจุดที่รับที่แข็งแกร่งในรอบนี้” นายรณกฤต กล่าว
อย่างไรก็ดี หากผลของการลงประชามติออกมาสนับสนุนให้อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไม่มากนัก เนื่องจากมีมูลค่าการส่งออกไปอังกฤษเพียง 2% ของการส่งออกทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มยูโรโซนเกิดภาวะถดถอย ภาคส่งออกของไทยก็ต้องได้รับผลกระทบตามมาเช่นกัน
นายรณกฤต สารินวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังมีความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงติดตามการทำประชามิติถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) ซึ่งเป็นประเด็นที่กดดันบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนด้วย เพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าสวนทางค่าเงินยูโร
ขณะที่สหรัฐฯ มีโอกาสที่เศรษฐกิจจะขยายตัวช้าลง หลังจากประธานเฟดมองว่า ภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ยังไม่เหมาะที่จะเร่งปรับอัตราดอกเบี้ย ดังนั้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งจะส่งผลลบต่อการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ
“ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังคงมีความผันผวน เนื่องจากสินค้าโภคภัณฑ์จะอ่อนตัวในระยะนี้ ประกอบกับหุ้นกลุ่มแบงก์มีแรงขายจากเรื่องของ “พร้อมเพย์” เพราะกังวลว่ารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะลดลง และให้จับตาดูโพลของอังกฤษ หากฝ่ายสนับสนุนให้โหวตออกมีมากขึ้นเรื่อยๆ หุ้นจะตก แต่หากฝ่ายโหวตออกมีปริมาณน้อยลง หุ้นจะฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวรับที่ระดับ 1,370 เป็นจุดที่รับที่แข็งแกร่งในรอบนี้” นายรณกฤต กล่าว
อย่างไรก็ดี หากผลของการลงประชามติออกมาสนับสนุนให้อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไม่มากนัก เนื่องจากมีมูลค่าการส่งออกไปอังกฤษเพียง 2% ของการส่งออกทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มยูโรโซนเกิดภาวะถดถอย ภาคส่งออกของไทยก็ต้องได้รับผลกระทบตามมาเช่นกัน