xs
xsm
sm
md
lg

“อีซี่ทรัส” เผยแผนปี 59 เน้นเจาะกลุ่มจัดสรรรับดีมานด์แนวราบขยายตัวแจงครึ่งปีโต 45%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สรพล คงรอด
ราคาเหล็กผันผวนส่งผลดีตลาดโครงสร้างหลังคา ลูกค้าหวั่นต้นทุนพุ่งสั่งสต๊อกสินค้าล่างหน้าดันยอดขายโต “อีซี่ทรัส” แจงปี 58 ยอดขายโตกว่า 40% สัดส่วนลูกค้าจัดสรรขยับขึ้น 80% กลายเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก เผยปี 59 เน้นเจาะโครงการจัดสรรเพิ่ม มั่นใจยอดขายปี 59 เติบโตมากว่า 50% หลังยอดขาย 2 ไตรมาสแรกเติบโตแล้วกว่า 45% พร้อมจับมือกลุ่มมหพันธ์ ขายสินค้ารูปแบบโซลูชัน เชื่อดันยอดขายโตต่อเนื่องในอนาคต

นายสรพล คงรอด กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮ้าส์ เฟรนด์ลี่โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตโครงหลังคาสำเร็จภายใต้แบรนด์ “อีซี่ทรัส” เปิดเผยว่า ราคาเหล็กในตลาดโลกที่ผันผวนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อยอดสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างที่แปรรูปจากเหล็กอย่างมาก ทั้งนี้ ราคาเหล็กในตลาดโลกช่วงไตรมาส 1 ถึงไตรมาสที่ 2 มีราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่องจนถึงช่วงเดือน มิ.ย. ราคาเหล็กจึงปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ที่ราคาเหล็กปรับขึ้นนั้น ส่งผลให้เกิดการสต๊อกวัสดุก่อสร้างที่แปรรูปจากเหล็กจำนวนมาก ทำให้ผู้ประกอบการสามารถระบายสต๊อกสินค้าในออกเป็นจำนวนมาก

“สาเหตุที่ราคาเหล็กปรับตัวขึ้น-ลงแรงในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากในประเทศจีนมีโรงงานเหล็กหยุดการผลิต ทำให้ซัปพลายในเหล็กในตลาดไม่เพียงพอกับดีมานด์ ส่งผลให้ราคาดีดตัวแรง แต่ในขณะนี้ราคาเหล็กเริ่มปรับลดลง เพราะโรงงานที่หยุดการผลิตเริ่มทยอยกลับมาเดินสายการผลิตแล้ว ทำให้ราคาเหล็กปรับตัวลดลงมา”

สำหรับการปรับขึ้น-ลงของราคาเหล็กในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อตลาดโครงสร้างหลังคา ซึ่งทำจากเหล็กรีดเย็นในประเทศค่อนข้างมาก โดยในช่วงที่ราคาขยับขึ้นนั้น ลูกค้ามีการสั่งสต๊อกสินค้าเพิ่มขึ้น แต่หลังจากราคาเหล็กลดลง สถานการณ์ก็เริ่มผ่อนคลายการสั่งสต๊อกสินค้าลดลงตามไปด้วย อย่างไรก็ดี สถานการณ์ของตลาดโครงสร้างหลังคาในประเทศไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของราคาเหล็กในตลาดโลกเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยของปริมาณงานก่อสร้างเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ ที่ส่งผลให้ในปีนี้ตลาดมีการขยายตัวที่ดี โดยเฉพาะในส่วนของปริมาณการขยายตัวของกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ บริษัทมีกลุ่มลูกค้าหลักๆ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มลูกค้าในตลาดรับสร้างบ้าน ซึ่งเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก และกลุ่มลูกค้าโครงการจัดสรร ซึ่งเดิมบริษัทมีรายได้หลักมากกว่า 50% มาจากกลุ่มลูกค้ารับสร้างบ้าน แต่หลังจากที่บริษัททำตลาดในเชิงรุก เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการจัดสรรมากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบัน บริษัทมีพอร์ตลูกค้ากลุ่มโครงการจัดสรรเพิ่มมากขึ้น และกลายเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก โดยปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายในกลุ่มโครงการจัดสรรอยู่ที่ 80% และอีก 20% เป็นกลุ่มลูกค้ารับสร้างบ้าน

นายสรพล กล่าวว่า จากแนวโน้มการขยายตัวของตลาดจัดสรรที่ต่อเนื่อง ทำให้ในปีนี้บริษัทยังเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการจัดสรรมากขึ้น เนื่องจากในปีนี้กลุ่มทาวน์เฮาส์มีอัตราการขยายตัวที่ดี ขณะที่แนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในไตรมาสแรก และไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ยังอยู่ในช่วงหดตัว ส่งผลให้ยอดสั่งซื้อโครงสร้างหลังคาในกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านลดลงจากปีที่แล้วกว่า 15% ทั้งนี้ จากการที่บริษัทรุกเข้าสู่โครงการจัดสรรทำให้ยอดขายมีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตด้านยอดขายกว่า 40% ขณะที่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 นี้ บริษัทมีอัตราการเติบโตด้านยอดขายกว่า 45% คาดว่าตลอดทั้งปีน่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มกว่า 50%

“ขณะนี้บริษัทมีพอร์ตลูกค้าโครงการจัดสรรกว่า 20 ราย ทั้งในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัด ในจำนวนนี้เป็นบริษัทมหาชน 5-6 ราย ซึ่งการที่มีลูกค้าบริษัทมหาชนมาใช้บริการทำให้บริษัทมีโปรไฟล์ที่ดี และสามารถเจาะกลุ่มบริษัทจัดสรรทั้งรายกลาง และรายเล็กได้ง่ายขึ้น เนื่องจากลูกค้าเห็นว่า บริษัทมีความสามารถ และกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อ และสามารถจัดส่งสินค้าให้ได้ตามความต้องการอย่างแน่นอน”

กรรมการผู้จัดการ เฮ้าส์ เฟรนด์ลี่โปรดักส์ กล่าวอีกว่า นอกจากการเจาะกลุ่มโครงการจัดสรรเองแล้ว บริษัทยังได้จับมือกับกลุ่มบริษัท มหพันธ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ จำกัด (มหาชน) ในการทำตลาดร่วมกันในลักษณะการขายสินค้าในรูปแบบโซลูชัน โดยทั้ง 2 บริษัทจะแนะนำลูกค้าที่ต้องการใช้บริการ และสินค้าแบบครบวงจร ให้แก่กันและกัน โดยที่ผ่านมา มีกลุ่มลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างของกลุ่มมหพันธ์ และต้องการตั้งโครงสร้างหลังคา ได้รับการแนะนำให้เข้ามาใช้บริการของบริษัทมากกว่า 5 รายแล้ว ขณะที่ลูกค้าที่ซื้อโครงสร้างหลังคา และติดตั้งโดยบริษัท และต้องการใช้วัสดุก่อสร้างในการสร้างบ้านก็ได้รับการแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมหพันธ์ ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวจะทำให้ในอนาคตดมีลูกค้าในกลุ่มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทแน่นอน



กำลังโหลดความคิดเห็น