xs
xsm
sm
md
lg

“เอ็นซีแอล อินเตอร์ฯ” ขายทรัพย์สินให้ บ.ร่วมทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บอร์ด “เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์” ไฟเขียวขายหัวลาก 65 หัว หางพ่วง  98 หาง มูลค่า 120.94 ล้านบาท ให้บริษัทร่วม “เอสเอสเค อินเตอร์ โลจิสติกส์” เพื่อปรับโมเดลทางธุรกิจ หนุนผลงานเติบโตทันที “กิตติ พัวถาวรสกุล” เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลังเน้นขยายฐานลูกค้าต่างประเทศเพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตต่อเนื่อง เชื่อทิศทางดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากธุรกิจจาก 1 บริษัทย่อย และ 1 บริษัทร่วมหนุน ทำให้มั่นใจรายได้ปี 59 เติบโตแน่

นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 4/2559 มีมติอนุมัติให้โอนทรัพย์สินหัวลาก 65 หัว และหางพ่วง จำนวน 98 หาง คิดเป็นมูลค่า 120.94 ล้านบาท เพื่อการลงทุนในหุ้นของบริษัทเอสเอสเค อินเตอร์ โลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าโดยหัวลาก และหางพ่วง และรถประเภทอื่น เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ ลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของต้นทุน และค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางด้านต้นทุนที่ดีขึ้น และส่งเสริมให้บริษัทฯ มีผลตอบแทนเติบโต มีกำไรที่มั่นคง และต่อเนื่องในอนาคต

“คณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า การเข้าทำรายการในครั้งนี้มีความเหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ ในอนาคต รวมถึงผู้ถือหุ้นในการสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในระยะยาว เนื่องจากบริษัทฯ ได้มีการร่วมทุนกับบุคคลภายนอกในการจัดตั้งบริษัท เอสเอสเค อินเตอร์ โลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งไม่เป็นบริษัทที่เกี่ยวโยงกัน โดยมีศักยภาพสูง และมีเชี่ยวชาญในธุรกิจขนส่งเป็นอย่างดี มีประสบการณ์ยาวนาน สามารถขยายฐานลูกค้ารายใหญ่ๆ ให้แก่บริษัทได้เป็นอย่างดี โดยที่บริษัทฯ จะถือหุ้นในสัดส่วนประมาณร้อยละ 40-50 ในบริษัท เอสเอสเค อินเตอร์ โลจิสติกส์ จำกัด ดังนั้น บริษัทฯ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ทรัพย์สินหัวลาก และหางพ่วงดังกล่าวอีก เนื่องจากบริษัทฯ จะไม่ดำเนินธุรกิจขนส่งในประเทศด้วยรถบรรทุกหัวลาก และหางพ่วงอีกต่อไป ภายหลังจากการโอนทรัพย์สินดังกล่าว” นายกิตติ กล่าว

ขณะที่ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ภาพรวมผลการดำเนินงานน่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างจะชะลอตัวก็ตาม โดยกลยุทธ์ในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะเน้นขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ ไปพร้อมๆ กับรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ เพื่อผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตมากยิ่งขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเริ่มรับรู้รายได้ และกำไรจากบริษัทย่อย คือ บริษัท รีเจนท์ ชิปปิ้ง ไทยแลนด์ และบริษัทร่วม คือ บริษัท เอสเอสเค อินเตอร์ โลจิสติกส์ (SSK) ตั้งแต่ไตรมาส 2/2559 ส่งผลให้ NCLเป็นบริษัทลอจิสติกส์ครบวงจรที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ สามารถรองรับต่อความต้องการของลูกค้าได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

“ปี 2559 บริษัทฯ ตั้งเป้าจากฐานลูกค้าเก่า และลูกค้ารายใหม่ๆ ที่มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปีต่อจากนี้ยอดขายจะโตแตะ 1 หมื่นล้านบาท จากการขยายฐานลูกค้าไปในต่างประเทศ ซึ่งเฉพาะสาขาย่อยที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา พบว่าฐานลูกค้าเติบโตสูงถึง 100% และคาดว่าน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต ดังนั้น จึงทำให้เชื่อมั่นว่าปีนี้รายได้จะเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้” นายกิตติ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น