ช่วงนี้มีกระแสต่อต้านการผูกขาดของกลุ่มธุรกิจบางกลุ่มที่ไม่ต้องเอ่ยชื่อก็คงรู้ว่าใคร
เพราะกลุ่มนี้เป็นเจ้าของตั้งแต่ ข้าว ไก่ หมู กุ้ง ขนมจีบ ซาลาเปา ยันไปจนถึงโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต และไม่เว้นแม้กระทั่ง บ้านจัดสรร
ทําธุรกิจทุกอย่างคงไม่มีใครว่า จริงๆ แล้วผูกขาดก็คงไม่มีใครว่า แต่ที่มีคนว่าก็คงเพราะเห็นการเอาเปรียบที่เกิดขึ้น
กรณี โตเกียว บานาน่า คงเป็นกรณีที่ทุกคนที่ได้อ่านข่าวคงจะมีความรู้สึกว่ามันไม่แฟร์เลย แต่สุดท้ายแล้วเรื่องก็เงียบไป ไม่มีใครกล้าต่อความยาวสาวความยืด
กรณีต่อมาก็เป็นการใช้ข้อมูลภายในของผู้บริหาร ที่ทาง ก.ล.ต.ได้มีการสรุปแล้วว่า มีการกระทําความผิด แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรดูซีเรียส จ่ายค่าปรับแล้วจบ เป็นผู้บริหารชิลชิลกันต่อไป
กรณีล่าสุด ก็การประมูลคลื่น 900 ที่ประมูลได้ไปหนึ่งสล็อต แต่ก็บี้ให้ กสทช.เปลี่ยนกฎให้มีสิทธิเข้าประมูลคลื่นสล็อตที่เหลือได้
สุดท้ายจะประมูลได้ไปรึเปล่ายังไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆ แล้วคือ มีสิทธิเลือกว่าจะทุ่มเงินประมูลเพื่อผูกขาดตลาด
นี่ยังไม่รวมถึงกรณีผูกขาดตลาดเมล็ดพันธุ์พืช ทําลายป่าเพื่อพื้นที่ปลูกข้าวโพด แรงงานทาสในธุรกิจสินค้าประมง และเรื่องอื่นๆ อีกมากที่อาจเป็นเรื่องเข้าใจยาก และไม่ได้เป็นข่าว
กฎหมายการแข่งขันทางการค้าเราก็มี กฎหมายตลาดหลักทรัพย์เราก็มี กฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืชเราก็มี แต่ไม่เคยมีผล หรือใช้อะไรได้ผลต่อกลุ่มธุรกิจกลุ่มนี้เลย
ราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่ควบคุมนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีแตะ หรือทําอะไรให้ขุ่นข้องหมองใจแน่นอน จะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ถึงจะมีการนําปัญหานี้มาพูดคุยแบบจริงจัง
การปล่อยให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมีอํานาจมากเกินไปเคยสร้างปัญหาหนักให้แก่พวกเรามาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วเราจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นซํ้าอีกครั้งหนึ่งจริงๆ หรือ
รัฐบูรพา