ผู้บริหารงานวิจัย ศก.และตลาดทุน ธ.กสิกรฯ ชี้จีดีพีปีนี้อาจโตได้เกิน 3% หากร่าง รธน.ผ่านประชามติ เพราะจะช่วยทำให้ ปชช.เกิดความเชื่อมั่น และมีความหวังว่าจะมีการเดินหน้าตามโรดแมป ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภค และการลงทุน หากประชามติร่างรัฐธรรมนูญผ่าน ห่วงเวียดนามแซงหน้าไทย หากจีดีพียังโตต่ำต่อเนื่อง
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยในงานสัมมนา “เกาะติดสถานการณ์ไตรมาสสอง ทิศทางค่าเงิน และอัตราดอกเบี้ย” โดยระบุว่า การที่จีดีพีไตรมาส 1/59 ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประกาศว่า โตร้อยละ 3.2 ถือเป็นตัวเลขที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา แต่หากเทียบกับประเทศอื่นที่ใกล้เคียงกับไทยถือว่ายังมีความท้าทาย เพราะรายได้ต่อหัวของประชากรไทยยังต่ำกว่าหลายประเทศ และเป็นห่วงหลายประเทศจะแซงหน้าไทย โดยเฉพาะเวียดนาม หากจีดีพีไทยยังโตเฉลี่ยร้อยละ 3 เพราะถือว่าเป็นอัตราการเติบโตต่ำต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม อาจมีการปรับประมาณการจีดีพีปีนี้เพิ่ม จากที่คาดว่าโตร้อยละ 3 หากผลการลงประชามติในเดือนสิงหาคมนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ จะช่วยทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น และมีความหวังว่าจะมีการเดินหน้าตามโรดแมป ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภค และการลงทุน ทำให้จีดีพีมีโอกาสโตเกินร้อยละ 3 เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม จับตาการส่งออกที่ยังเป็นปัจจัยเสี่ยง ซึ่งปีนี้คาดการณ์ว่า การส่งออกจะไม่ขยายตัวเลย เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ขณะเดียวกัน พบว่าในหลายธุรกิจสินค้าคงคลังมีจำนวนน้อยลงตามการผลิตเพื่อการส่งออกที่ยังขยายตัวต่ำ และไม่มั่นใจเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในอนาคต
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่า โดยประเมินไตรมาส 2 อยู่ที่ 35.50 บาท และสิ้นปีอยู่ที่ 37.00 บาท เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินบาทไทย เพราะธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ขณะเดียวกัน ยังต้องติดตามผลการทำประชามติในวันที่ 23 มิถุนายน ว่า สหราชอาณาจักรจะออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้หากเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบมากกว่ากรณีประเทศกรีซ เนื่องจากอังกฤษมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่า